บทนำ
ภาวะสูญเสียโปรตีนจากระบบทางเดินอาหารของสุนัข โดยปกติแล้วร่างกายของสุนัขจะทำการย่อยอาหารที่ทานเข้าไปอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
แต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่าระบบย่อยอาหารของสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้น จนเป็นเหตุทำให้ร่างกายของสุนัขไม่สามารถย่อยอาหารที่ทานเข้าไปได้
ซึ่งมันจะส่งผลทำให้ระบบภูมิต้านทานต่างๆ ของสุนัขอ่อนแอลง และเมื่อร่างกายของสุนัขอ่อนแอลง มันจะส่งผลทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายอีกด้วย อีกทั้งมันยังส่งผลทำให้ลำไส้ของสุนัขเกิดความเสียหายขึ้นมาได้อีกด้วย
โรคนี้สามารถเกิดได้กับสุนัขทุกเพศ ทุกวัยรวมถึงสุนัขทุกสายพันธุ์ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดกับสุนัขสายพันธุ์
- นอร์วิเจียน ลาวด์ฮุนด์ (Norwegian Lundehund)
- ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)
- ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรีย (Soft Coated Wheaten Terrier)
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรคนี้
- สุนัขจะมีอาการท้องเรื้อรัง สลับกับอาการท้องเสียเป็นพักๆ
- สุนัขจะมีอาการอ่อนแรง อ่อนเพลีย
- น้ำหนักตัวของสุนัขจะค่อยๆ ลดลงมา
- ช่วงท้องและขาของสุนัขจะมีลักษณะบวมโตกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุมาจากอาการบวมน้ำ
- สุนัขจะมีอาการหายใจติดขัด หรือหายใจลำบาก
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้
- สุนัขป่วยเป็นโรคมะเร็งในลำไส้
- มีการติดเชื้อเกิดขึ้นในลำไส้ของสุนัข
- สุนัขติดเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเชื้อราบางชนิดอย่างเช่น เชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา เป็นต้น
- ลำไส้ของสุนัขเกิดการอักเสบ
- สุนัขมีภาวะหัวใจล้มเหลว
- สุนัขติดเชื้อจากพยาธิปากขอ กับพยาธิแส้ม้า
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามถึงประวัติสุขภาพของสุนัขอย่างเบื้องต้นว่า สุนัขป่วยมานานแล้วหรือยัง อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมานั้น มีอาการอะไรบ้าง
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะของสุนัข เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของสุนัขบ้าง โดยทางสัตวแพทย์จะค่อนข้างให้ความสำคัญไปที่ ค่าระดับของโปรตีน และค่าแคลเซียมในเลือดของสุนัข
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างบางส่วนของอุจจาระสุนัข เพื่อนำไปตรวจสอบดูว่า มีพยาธิ เชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย อยู่ในอุจจาระของสุนัขหรือไม่
- หลังจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการเอกซเรย์ (X-Ray) กับตรวจอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) ไปที่ช่องอกและช่องท้องของสุนัข เพื่อดูว่าลำไส้ของสุนัขเป็นอย่างไรบ้าง มีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง รวมถึงจะตรวจดูว่าภายในลำไส้ของสุนัข มีเนื้องอกเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
- มาถึงขั้นตอนสุดท้ายทางสัตวแพทย์จะทำการสอดกล้องเข้าไปดูระบบทางเดินอาหารของสุนัข เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการเก็บชิ้นเนื้อบางส่วนที่ผนังทางเดินอาหารของสุนัข เพื่อนำไปตรวจสอบที่ห้องปฏิบัติการอย่างละเอียดอีกทีนึงว่า สาเหตุที่ทำให้สุนัขสูญเสียโปรตีนนั้น เกิดจากสาเหตุใดกันแน่น
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะรักษาไปตามอาการต่างๆ รวมถึงสาเหตุที่ตรวจพบเจอ แต่โดยหลักๆ แล้วทางสัตวแพทย์จะหาวิธีทำให้ระดับโปรตีนในร่างกายของสุนัขกลับสู่ภาวะปกติให้ได้
- แต่ในกรณีที่ตรวจพบว่า ระดับโปรตีนในร่างกายของสุนัขลดต่ำลงจนเข้าขั้นขีดอันตราย ทางสัตวแพทย์จะรีบทำการถ่ายเลือดให้กับสุนัข เพื่อทดแทนโปรตีนในเลือดที่สูญเสียออกไปจากร่างกายของสุนัข
- ในกรณีที่ตรวจพบว่าสุนัขมีเนื้องอกเกิดขึ้นภายในลำไส้ของสุนัข ทางสัตวแพทย์จะทำการส่งตัวสุนัขไปให้สัตวแพทย์ที่มีความชำนาญในเรื่องของการรักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ เพื่อทำการประเมินว่า ควรจะใช้วิธีรักษาแบบไหนดี จะผ่าตัดหรือใช้วิธีการเคมีบำบัดดี
- หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษา ทางสัตวแพทย์จะทำการปรับเปลื่ยนเมนูอาหารของสุนัข เพื่อให้สุนัขได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ และยังเป็นเมนูอาหารที่ร่างกายของสุนัขสามารถดูดซึมได้ดีอีกด้วย
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการวางแผนการออกกำลังกายให้กับสุนัข เพราะในระหว่างที่สุนัขกำลังพักฟื้นตัวอยู่นั้น การออกกำลังกายจะมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายของสุนัขสามารถฟื้นตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น
- ต่อมาทางสัตวแพทย์ะจะทำการนัดให้สุนัขกลับเข้ามาพบอยู่ประมาณ 2 – 3 ครั้ง เพื่อจะได้ดูว่าหลังจากที่รักษาไปแล้ว อาการต่างๆ ของสุนัขดีขึ้นหรือไม่
- แต่ในกรณีที่สุนัขป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ ทางสัตวแพทย์จะนัดให้สุนัขกลับเข้ามาพบอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้ทำการเคมีบำบัด เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง