บทนำ
โดยปกติแล้วสุนัขจะไม่กัดเจ้าของของพวกมันในทุกๆ กรณี ยกเว้นแต่ในบางกรณีที่สุนัขของคุณเผลออย่างเช่น
- ในกรณีที่คุณไปแย่งอาหารของสุนัขในขณะที่พวกมันกำลังรับประทานอาหารอยู่ ซึ่งคุณอาจจะถูกสุนัขกัดเอาได้ เพราะความหวงอาหารของสุนัข
- รวมถึงในกรณีที่คุณเข้าไปแหย่ หรือเข้าไปกวนแม่สุนัขในขณะที่แม่สุนัขกำลังให้นมลูก หรือเลี้ยงลูกอยู่ คุณก็อาจจะถูกกัดเอาได้ เพราะความหวงลูกของแม่สุนัข
อันตรายของการถูกสุนัขกัด
คุณอาจจะป่วยเป็นโรคต่างๆ ขึ้นมาได้ ถ้าคุณถูกสุนัขกัด เพราะภายในเขี้ยวของสุนัขนั้นอุดมไปด้วยเชื้อโรคต่างๆ แต่อาการเหล่านี้ก็ยังไม่รุนแรงเท่ากับ การที่คุณถูกสุนัขบ้ากัดเอา
เพราะคุณจะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงเป็นอย่างมาก ถ้าคุณป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าขึ้นมา ดังนั้นขอให้คุณระวังตัวเอาไว้ให้ดีๆ ถ้าคุณพบว่าสุนัขจรจัด หรือสุนัขตัวไหนๆ ก็ตามที่มีลักษณะ
- วิ่งเดินโซซัดโซเซ
- มีอาการตาขวาง คอแข็ง
- และมีน้ำลายฟูมปาก
ให้คุณหลีกเลี่ยงห้ามเข้าใกล้สุนัขที่มีท่าทางแบบนี้โดยเด็ดขาด เพราะจะมีโอกาสสูงที่สุนัขตัวนั้นกำลังป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ก็เป็นได้
สุนัขที่กำลังป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ พวกมันจะมีโอกาสสูงมากที่จะวิ่งไล่กัดมนุษย์ทุกคนที่พวกมันเห็นหน้า
จะทำอย่างไรเมื่อคุณถูกสุนัขกัด
เมื่อคุณถูกสุนัขกัดไม่ว่าจะบาดแผลจะเป็นแบบไหน อาจจะเป็นแค่รอยขีดข่วน แผลขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ คุณต้องตั้งสติของคุณให้ดีๆ ก่อน แล้วคุณค่อยปฐมพยาบาลตัวเองด้วย 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.ล้างบาดแผลที่คุณถูกสุนัขกัดเอา
หลังจากที่คุณถูกสุนัขกัดเอา ให้คุณใช้สบู่กับน้ำที่สะอาดทำการล้างบาดแผลที่ถูกกัดหลายๆ ครั้ง
เสร็จแล้วก็ให้คุณซับแผลให้แห้งด้วยผ้าก็อซที่สะอาดอีกทีหนึ่ง ส่วนในกรณีที่น้ำลายของสุนัขกระเด็นเข้าตาของคุณ ก็ให้คุณรีบล้างดวงตาของคุณด้วยน้ำที่สะอาดโดยทันที ให้คุณล้างดวงตาของคุณหลายๆ ครั้ง
2. ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่บริเวณบาดแผล
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนที่ 1 แล้ว ต่อมาให้คุณใช้น้ำยาล้างบาดแผลตรงบริเวณที่คุณถูกสุนัขกัดรวมถึงบริเวณที่ได้สัมผัสกับน้ำลายของสุนัข
คุณสามารถใช้ยาฆ่าเชื้อประเภทต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น
- โพวิโดนไอโอดีน
- ทิงเจอร์ไอโอดีน
- หรืออาจจะเป็นพวกยาฆ่าเชื้อตัวอื่นๆ ที่คุณซื้อเก็บไว้ที่บ้านก็ได้เหมือนกัน
เสร็จแล้วก็ให้คุณเช็คทำความสะอาดแผลด้วยผ้าแห้งที่สะอาด ต่อจากนั้นก็ให้คุณใช้ผ้าก๊อซที่สะอาดพันบาดแผลของคุณเอาไว้
3. รีบไปพบแพทย์โดยทันที
เมื่อคุณทำการปฐมพยาบาลในขั้นตอนที่ 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว ก็ให้คุณรีบไปหาหมอโดยทันที
เมื่อคุณเข้าพบแพทย์แล้ว ทางแพทย์จะทำการประเมินบาดแผลของคุณว่า มีความเสียหายอยู่ในระดับไหน พร้อมทั้งจะดูว่าแผลของคุณได้รับการติดเชื้อหรือไม่
รวมถึงทางแพทย์จะทำการฉีดยาเพื่อป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้คุณโดยทันทีอีกด้วย
จะทำอย่างไรเมื่อคุณถูกสุนัขที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดเอา
คุณสามารถประเมินความเสี่ยงได้ว่า สุนัขที่กัดคุณนั้นป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า โดยดูอาการต่างๆ ของสุนัขที่กัดคุณว่ามีอาการเป็นอย่างไร ถ้าสุนัขของคุณมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- สุนัขจะมีอาการอ้าปากค้างอยู่ตลอดเวลา
- สุนัขชอบเดินวนไปวนมาอยู่เป็นประจำ
- สุนัขจะมีอาการลิ้นห้อยอยู่ตลอดเวลา
- สุนัขจะมีการลุกและนั่งสลับกันไปมาจนผิดสังเกต
- สุนัขจะมีอาการอ่อนแรงและเดินโซซัดโซเซไปมา
- สุนัขตัวที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 10 วันก่อนจะเสียชีวิตลง
ถ้าคุณประเมินความเสี่ยงแล้วว่าคุณน่าจะถูกสุนัขที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดเข้า ให้คุณรีบเข้าพบแพทย์โดยทันทีเข้าที่คุณจะทำได้
โดยให้คุณเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมด และให้คุณบอกกับแพทย์ว่า คุณขอรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันโรคกลัวน้ำ รวมถึงวัคซีนป้องกันบาดทะยัก กับแพทย์โดยทันที
ซึ่งทางแพทย์จะทำการประเมินความเสี่ยงให้กับคุณ แล้วจะทำการฉีดวัคซีนป้องกันให้คุณโดยทันที การฉีดวัคซีนป้องกันโรคเหล่านี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งทางแพทย์จะนัดให้คุณกลับเข้ามาพบอย่างต่อเนื่อง เพื่อได้จะทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบทุกเข็ม
ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
การรักษาโรคพิษสุนัขบ้าในมนุษย์ไม่จำเป็นต้องตัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งทิ้งอย่างเช่น การที่จะต้องตัดแขนทิ้งทั้งแขน หรือแขนข้างใดข้างหนึ่งที่ถูกสุนัขบ้ากัดเอา
คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น การรักษาโรคพิษสุนัขบ้าในมนุษย์สามารถทำได้ โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ให้ครบตามที่แพทย์ได้ระบุไว้
แต่ก็มีเหมือนกันที่ในบางกรณี การรักษาโรคพิษสุนัขบ้าอาจจะจำเป็นต้องตัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายออก
แต่ในกรณีนั้นจะเกิดขึ้นต่อเมื่อคุณป่วยเป็นโรคร้ายแรงบางอย่างอย่างเช่น โรคเบาหวานเป็นต้น
วิธีป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในมนุษย์
สำหรับวิธีป้องกันโรคนี้คุณสามารถทำได้อย่างง่ายๆ โดยการให้คุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตั้งแต่เนิ่นๆ
รวมถึงในกรณีที่คุณเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้าน คุณควรพาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าด้วย
รวมถึงให้คุณหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปสัมผัส หรือใกล้ชิดกับสุนัขจรจัด รวมถึงสุนัขที่ตัวอื่นๆ ที่คุณไม่คุ้นหน้า เพียงเท่านี้ก็เป็นการป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้แล้ว