บทนำ
วิตามินดี เป็นวิตามินที่ร่างกายของสุนัขต้องการเป็นอย่างมาก เพราะประโยชน์ของวิตามินดีจะช่วยให้ร่างกายของสุนัข สามารถควบคุมระดับของแคลเซียมและฟอสฟอรัสให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อร่างกายได้
อีกทั้งวิตามินดียังมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อของสุนัข อีกทั้งยังช่วยควบคุมระบบการทำงานของเส้นประสาทให้กับสุนัขอีกด้วย
แต่ในทางกลับกันถ้าสุนัขได้รับวิตามินดีในปริมาณที่มากจนเกินไปแล้วก็ละ จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของสุนัขขึ้นมาได้
สาเหตุที่ทำให้สุนัขได้รับวิตามินดีมากจนเกินไปนั้นเกิดจาก
- การที่สุนัขทานอาหารที่มีวิตามินดีสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน
- สุนัขได้รับสารเคมีที่ใช้สำหรับกำจัดสัตว์ฟันแทะ หรือยาเบื่อหนู
- โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักจะเกิดกับลูกสุนัข หรือสุนัขที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี
อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- สุนัขจะมีอาการซึมเศร้า อ่อนแรง อ่อนเพลีย
- สุนัขจะมีอาการเบื่ออาหาร และมีอาการอาเจียนร่วมด้วย
- สุนัขจะดื่มน้ำและปัสสาวะมากกว่าปกติ
- จะมีเลือดปะปนออกมาจากอุจจาระของสุนัข
- จะมีเลือดปะปนออกมาจากอาเจียนของสุนัข
- น้ำหนักตัวของสุนัขจะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
- สุนัขจะมีอาการน้ำลายฟูมปาก
- สุนัขจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุก และจะมีภาวะชักตามมา
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
ทางสัตวแพทย์จะสอบถามการเลี้ยงดูสุนัขของคุณว่า
- คุณชอบให้สุนัขของคุณทานอะไรบ้าง
- คุณให้สุนัขของคุณทานอาหารเสริมหรือเปล่า
- คุณปล่อยให้สุนัขออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านอยู่เป็นประจำหรือไม่
- มีการใช้ยาเบื่อหนูในบ้านของคุณหรือเปล่า
- สุนัขมีอาการอะไรบ้าง
- สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือ
ต่อจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะของสุนัข เพื่อดูค่าการทำงานต่างๆ ในร่างกายของสุนัข
ในกรณีที่ทางสัตวแพทย์พบว่าค่าแคลเซียมกับฟอสฟอรัสของสุนัขอยู่ในระดับสูง ประกอบกับค่าโพแมวเซียมในเลือดของสุนัขอยู่ในระดับต่ำ
รวมถึงค่าการทำงานของตับสุนัขอยู่ในระดับสูง นั้นแสดงว่าร่างกายของสุนัขอาจจะได้รับวิตามินดีมากจนเกินไปอยู่ก็เป็นได้
และเพื่อให้ขั้นตอนการวินิจฉัยแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทางสัตวแพทย์จะใช้วิธีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจของสุนัข กับการตรวจหาระดับวิตามินดีในเลือด ทั้ง 2 วิธีนี้จะช่วยให้ทางสัตวแพทย์ทราบเป็นที่แน่นชัดแล้วว่า ร่างกายของสุนัขมีวิตามินดีมากจนความจำเป็นหรือไม่
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- ทางการแพทย์ถือว่าภาวะนี้เป็นภาวะที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องได้รับการรักษาในทันทีภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังจากที่สุนัขเริ่มเกิดอาการต่างๆ ขึ้นมา หรือหลังจากที่สุนัขทานยาเบื่อหนูเข้าไป
- ในกรณีที่ตรวจพบว่าสุนัขทานยาเบื่อหนูเข้าไป ทางสัตวแพทย์จะหาทางกระตุ้นให้สุนัขอาเจียน เพื่อขับสารพิษจากยาเบื่อหนูออกมา รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะประเภทต่างๆ เข้ามาช่วยในการรักษา
- ถ้าตรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้เกิดจาก การที่สุนัขทานอาหารที่มีวิตามินดีมากจนเกินไป ก็จะให้ยาปฏิชีวนะประเภทต่างๆ ที่มีส่งช่วยดูดซึมวิตามินดีในร่างกายของสุนัข
- ในระหว่างที่กำลังทำการรักษาอยู่ ทางสัตวแพทย์จะให้สารน้ำผ่านเข้าไปยังเส้นเลือดของสุนัข เพื่อทำให้ร่างกายของสุนัขสามารถปรับสมดุลของเกลือแร่ในเลือดของสุนัขได้ รวมถึงจะช่วยให้สุนัขสามารถขับแคลเซียมออกมาจากร่างกาย ผ่านทางปัสสาวะได้อีกด้วย
- ถ้าสุนัขเกิดชักขึ้นมาในระหว่างการรักษาทางสัตวแพทย์จะให้ยากันชักกับสุนัข
- เมื่อรักษาจนอาการต่างๆ ดีขึ้นแล้ว ทางสัตวแพทย์จะทำการปรับเปลื่ยนเมนูอาหารของสุนัข ให้เป็นอาหารที่มีประโยชน์สำหรับสุนัขที่กำลังป่วยเป็นโรคนี้อยู่ รวมถึงจะแนะนำวิธีดูแลสุนัขในระหว่างที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
- โรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรงเป็นอย่างมาก ถ้าคุณพาสุนัขของคุณไปรักษาไม่ทัน หรือไปช้ากว่า 72 ชั่วโมงเมื่อสุนัขเริ่มเกิดอาการ ก็อาจจะทำให้สุนัขของคุณเสียชีวิตลงได้
- ในกรณีที่สุนัขของคุณมีอาการอย่างรุนแรง ทางสัตวแพทย์จะให้สุนัขของคุณอยู่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน จะยังไม่อนุญาตให้สุนัขกลับบ้านได้ เพื่อที่จะได้เฝ้าดูอาการต่างๆ ของสุนัขอย่างใกล้ชิด
- โรคนี้เป็นโรคที่ต้องใช้เวลานานในการรักษา อาจจะต้องใช้เวลารักษายาวนานถึง 3 – 4 เดือนเลย อาการต่างๆ ของสุนัขถึงจะเริ่มดีขึ้นมา แถมการรักษาโรคนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นอย่างมากอีกด้วย
วิธีป้องกันพิษจากวิตามินดีในสุนัข
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้ก็คือ การทานอาหารที่มีวิตามินดีมากจนเกินไป กับการที่สุนัขเผลอไปทานยาเบื่อหนู ดังนั้นคุณควรหาวิธีป้องกันดังต่อไปนี้
- ให้สุนัขของคุณทานแต่อาหารที่มีประโยชน์
- หลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขของคณทานอาหารที่มีวิตามินดีสูงติดต่อกันเป็นเวลานานอย่างเช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ,ตับ ,ไข่แดง เป็นต้น (จริงๆ ก็ให้สุนัขของคุณทานได้ แต่ต้องในปริมาณที่พอดีพอเหมาะเท่านั้น ห้ามมากจนเกินไปโดยเด็ดขาด)
- ในกรณีที่คุณไม่รู้ว่าควรให้สุนัขของคุณทานอาหารประเภทไหนดี คุณก็สามารถโทรไปขอคำปรึกษาจากทางสัตวแพทย์ก็ได้เหมือนกัน
- อย่าปล่อยให้สุนัขของคุณออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านตามลําพัง ถ้าจะให้สุนัขออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน คุณต้องตามไปดูสุนัขของคุณด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สุนัขของคุณเผลอไปทานยาเบื่อหนูที่ทาไว้ในอาหารที่อยู่นอกบ้าน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ยาเบื่อหนูในบ้านของคุณ แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ คุณต้องอย่าให้สุนัขของคุณ เข้าใกล้พื้นที่ที่คุณใช้ยาเบื่อหนูโดยเด็ดขาด