บทนำ
โดยส่วนใหญ่แล้วสุนัขที่ป่วยเป็นโรค Pyometra มักจะป่วยเป็นโรค Cystic Endometrial Hyperplasia ร่วมด้วยโดยที่
- โรค Pyometra ของสุนัขนั้นจะเป็นโรคที่ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกของสุนัขหนาตัวมากยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักจะเกิดกับสุนัขที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป
- ส่วนโรค Cystic Endometrial Hyperplasia ของสุนัขนั้น จะเป็นโรคที่จะมีหนองเกิดขึ้นภายในโพรงมดลูกของสุนัข
ทางการแพทย์ถือว่าโรคทั้งสองโรคนี้ เป็นโรคที่มีความร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก ต้องได้รับการรักษาโดยทันที เพราะถ้าไม่อย่างนั้น สุนัขของคุณอาจจะเสียชีวิตลงได้
เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรค Pyometra และ Cystic Endometrial Hyperplasia จะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ท้องของสุนัขจะมีอาการบวมโตขึ้นจนคุณสังเกตได้ สาเหตุที่ทำให้ท้องของสุนัขบวมโตนั้น เกิดจากมดลูกของสุนัขมีการขยายตัวใหญ่มากขึ้นกว่าปกติ
- มีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากช่องคลอดของสุนัข
- ปากมดลูกของสุนัขจะปิดตัวลง
- สุนัขจะมีอาการเซื่องซึม และมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย
- สุนัขจะมีอาการอาเจียนอยู่ตลอดเวลา
- สุนัขจะทำการขับถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้งมากกว่าปกติ
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้
เกิดจากการที่สุนัขได้รับฮอร์โมน estrogen กับ progesterone อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน จนส่งผลทำให้เยื่อบุในโพรงมดลูกของสุนัข เกิดการหนาตัวและมีหนองเกิดขึ้น
โดยส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มักจะเกิดกับสุนัขตัวเมียที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป แล้วสุนัขตัวเมียตัวนั้นยังไม่เคยมีลูก
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามกับคุณว่า สุนัขมีอาการอะไรบ้าง สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
- ต่อจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจภายในของสุนัขอย่างละเอียด โดยจะตรวจไปที่ปากมดลูกของสุนัข
- รวมถึงจะทำการเก็บสารคัดหลั่งบางส่วน ที่ไหลออกมาจากช่องคลอดสุนัข เพื่อนำไปตรวจสอบดูว่าสุนัขติดเชื้ออะไรอยู่หรือเปล่า
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ ร่วมกับการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังมดลูกของสุนัข เพื่อดูว่าภายในมดลูกของสุนัขมีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง หรือในช่วงนี้สุนัขกำลังตั้งครรภ์อยู่หรือเปล่า
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะทำการรักษาไปตามอาการต่างๆ รวมถึงสาเหตุที่ตรวจพบเจอ แต่ในกรณีที่สุนัขมีอาการอย่างรุนแรงและเป็นหนักมาก ทางสัตวแพทย์อาจจะต้องผ่าตัดเอารังไข่ และมดลูกของสุนัขออกมา
- การผ่าตัดเอารังไข่ และมดลูกออกมานั้น จะช่วยกำจัดหนองและสารคัดหลั่งที่ค้างอยู่ภายในออกมาได้ทั้งหมด วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายของสุนัขฟื้นตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น
- เมื่อรักษาจนอาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นมาแล้ว ทางสัตวแพทย์จะให้ยาปรับสมดุลฮอร์โมนให้กับสุนัข รวมถึงจะหาวิธีควบคุมการติดเชื้อในมดลูกของสุนัขอีกด้วย
- เมื่อสิ้นเสร็จขั้นตอนการรักษาแล้ว ทางสัตวแพทย์จะนัดให้คุณพาสุนัขกลับเข้ามาพบอีก 2 – 3 ครั้ง เพื่อดูว่าหลังจากที่รักษาไปแล้วอาการต่างๆ ของสุนัขดีขึ้นแล้วหรือยัง
- โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าโรคนี้รักษาได้ถูกวิธีรวมถึงสุนัขทานยาควบคุมฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง สุนัขจะหายดีเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 – 2 เดือน
- ในช่วงที่สุนัขกำลังพักฟื้นตัวอยู่ สุนัขอาจจะมีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากช่องคลอดบ้าง แต่คุณไม่ต้องตกใจมากนักเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของสุนัขก็จะค่อยๆ ซ่อมแซมลูกมดจนกลับมาเป็นปกติดีได้เอง
วิธีป้องกันโรค Pyometra และ Cystic Endometrial Hyperplasia ในสุนัข
สำหรับวิธีป้องกันนั้นคุณสามารถทำได้อย่างง่ายๆ โดยการ พาสุนัขตัวเมียของคุณเข้ารับการทำหมัน เมื่อสุนัขตัวเมียของคุณมีอายุได้ประมาณ 6 – 9 เดือนขึ้นไป
โดยก่อนการทำหมันทางสัตวแพทย์จะตรวจร่างกายของสุนัขก่อนว่า สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงดีเหมือนที่จะทำหมันได้แล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วทางสัตวแพทย์ก็จะนัดวันทำหมันให้กับสุนัขของคุณ