บทนำ
ยาพาราเซตามอลนั้นถือว่าเป็นยาสามัญประจําบ้านที่คนส่วนใหญ่นิยมเก็บไว้ในบ้าน และเป็นยายอดฮิตที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้ทานกัน ในเวลาที่พวกเค้ารู้สึกปวดหัวหรือมีไข้
และก็มีหลายคนเลยที่คิดว่าเมื่อฉันสามารถทานยาพาราเซตามอลได้ สุนัขของฉันก็น่าจะทานยา พาราเซตามอลได้เหมือนกัน จึงทำให้มีใครหลายคนชอบให้สุนัขของตัวเองทานยาพาราเซตามอล เมื่อสุนัขมีอาการปวดหัว หรือตัวร้อน
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการกระทำเหล่านี้ของคุณ เป็นการทำร้ายสุนัขของคุณทางอ้อม เพราะยาพาราเซตามอลนั้นถือว่าเป็นยาที่อันตรายต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก
สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดกันถึงอันตรายร้ายแรงของการให้สุนัขของตัวเองทานยาพาราเซตามอลเข้าไปในร่างกาย ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนที่กำลังสนใจเรื่องราวนี้อยู่ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
อันตรายจากยาพาราเซตามอลในสุนัข
ทางการแพทย์จัดว่าตัวยาพาราเซตามอลนั้นมีอันตรายต้องร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก เมื่อสุนัขทานยาชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย พิษของตัวยาจะเข้าไปทำลายตับของสุนัข จำทำให้ตับของสุนัขได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้
สำหรับร่างกายของสุนัขเพียงแค่ได้รับยาพาราเซตามอลเข้าไปในปริมาณมากกว่า 75 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวของสุนัข ก็สามารถทำให้ตับของสุนัขเกิดการเป็นพิษขึ้นมาได้แล้ว
อาการต่างๆ หลังจากที่สุนัขทานยาพาราเซตามอลเข้าไปในร่างกาย
- เหงือของสุนัขจะเปลื่ยนจากสีปกติกลายเป็นสีน้ำตาลออกเทาๆ
- สุนัขจะเกิดการอาเจียนอย่างต่อเนื่อง
- ลมหายใจของสุนัขจะมีกลิ่นเหม็นๆ ออกมา
- ใบหน้าและลำคอของสุนัขจะมีอาการบวมโต
- ขาทั้งสี่ข้างของสุนัขจะมีอาการบวมโตอย่างเห็นได้ชัด
- อุณหภูมิในร่างกายของสุนัขจะลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือ สุนัขจะมีอาการตัวเย็น
- ในกรณีที่พิษจากตัวยาเข้าไปทำลายตับของสุนัขแล้ว ลำตัวและดวงตาของสุนัขจะเปลื่ยนจากสีปกติกลายเป็นสีเหลือง หรือมีอาการตัวเหลืองนั้นเอง
- สุนัขจะมีอาการชักและหมดสติลง
ไม่ว่าจะในกรณีไหนถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณเผลอทานยาพาราเซตามอลเข้าไปในร่างกาย หรือคุณให้สุนัขของคุณทานพาราเซตามอลด้วยความไม่รู้ แล้วสุนัขของคุณมีอาการต่างๆ เกิดขึ้น ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณไปหาสัตวแพทย์โดยทันที ให้เร็วที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามที่อาการต่างๆ ของสุนัขว่ามีอาการอะไรบ้าง รวมถึงทางสัตวแพทย์จะถามว่า สุนัขของคุณทานยาพาราเซตามอลเข้าไปเป็นเวลานานแล้วหรือยัง
- ต่อจากหลังทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะของสุนัข เพื่อดูว่าระบบต่างๆ ในร่างกายของสุนัขยังทำงานเป็นปกติดีอยู่หรือไม่ รวมถึงดูว่าพิษจากยาพาราเซตามอลทำร้ายร่างกายของสุนัขจนถึงระดับไหนแล้ว
- ต่อจากนั้นสัตวแพทย์จะทำการใช้เครื่องเอ็กซเรย์ ตรวจเข้าที่ตับของสุนัข เพื่อดูว่าในตอนนี้สภาพตับของสุนัขเป็นอย่างไรบ้าง ถูกทำลายไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะทำการให้ออกซิเจน รวมถึงให้สารน้ำกับสุนัขที่พึ่งกินยาพาราเซตามอลเข้าไปในร่างกาย สารน้ำจะช่วยชดเชยน้ำที่สูญเสียไปจากการอาเจียนของสุนัข
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการเสริมสารอาหารต่างๆ เข้าไปยังร่างกายของสุนัขอย่างเช่น วิตามินซี, cimetidine และ N-acetylcysteine สารอาหารเหล่านี้จะมีส่วนช่วยฟื้นตัวร่างกายของสุนัข ให้ต่อสู้กับพิษจากยาพาราเซตามอลได้
- และเมื่ออาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นแล้ว ทางสัตวแพทย์ก็จะทำการให้กรดอะมิโนสองตัวได้แก่ cysteine , cysteine ให้กับสุนัข กรดอะมิโนทั้งสองตัวนี้ จะมีส่วนช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมตับของสุนัข ให้กลับมาเป็นปกติดีดังเดิม
- สุนัขของคุณจะมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณพาสุนัขของคุณไปพบสัตวแพทย์เร็วแค่ไหน
- ถ้าคุณพาสุนัขของคุณไปหาสัตวแพทย์ได้ในเวลาไม่เกิน 2 – 3 ชั่วโมงหลังจากที่สุนัขทานยายาพาราเซตามอลเข้าไป สุนัขของคุณก็จะมีโอกาสรอดชีวิตได้สูงขึ้น 60 – 70 % เลย แต่ถ้าไปช้ากว่านั้นสุนัขของคุณจะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงเป็นอย่างมาก
วิธีป้องกันไม่ให้สุนัขทานยาพาราเซตามอล
- สำหรับวิธีป้องกันนั้นคุณก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการให้คุณเก็บยาพาราเซตามอลที่คุณกิน ให้พ้นมือของสุนัข โดยคุณอาจจะเอายาพาราเซตามอลเก็บไว้ในตู้ที่อยู่สูงๆ หรือเก็บไว้ในตู้แล้วประตูให้มิดชิด เป็นต้น
- รวมถึงห้ามคุณให้สุนัขของคุณทานยาที่ใช้กับมนุษย์โดยเด็ดขาด เพราะตัวยาที่ใช้กับมนุษย์นั้น ไม่สามารถใช้กับสุนัขได้เลย มันใช้ส่วนผสมคนละตัวกัน สุนัขของคุณจะมีโอกาสเสียชีวิตได้ ถ้าคุณใช้ยาผิดประเภทกับสุนัขของคุณ