บทนำ
ทางการแพทย์เรียกอาการหูชั้นนอกอักเสบในสุนัขว่า Otitis externa ส่วนการอักเสบของหูชั้นในของสุนัขเรียกว่า Otitis media อาการหูอักเสบทั้งสองชั้นนี้จะมีความสัมพันธ์กัน แบบมีลำดับขั้นตอนการเกิดของมันเลย โดยเริ่มจาก
หูชั้นนอกของสุนัขเกิดการอักเสบ (Otitis externa)
การที่หูชั้นนอกของสุนัขเกิดการอักเสบขึ้นมานั้นเกิดจาก สิ่งแวดล้อมภายในช่องหูของสุนัขมีการเปลื่ยนแปลงเกิดขึ้นมา จนเป็นเหตุทำให้ต่อมต่างๆ ที่อยู่ภายในหูของสุนัขเกิดการขยายตัว
ซึ่งมันจะส่งผลทำให้ช่องหูของสุนัขมีการผลิตขึ้หูมากขึ้นกว่าปกติ จนทำให้ช่องหูของสุนัขจะค่อยๆ แคบลงมา ซึ่งสิ่งที่จะตามมาต่อจากนั้นก็คือ
มันจะทำให้ช่องหูของสุนัขเกิดการติดเชื้อ และมีผื่นคันกับอาการคันเกิดขึ้นที่ช่องหูของสุนัข
หูชั้นในของสุนัขเกิดการอักเสบ (Otitis media)
และเมื่อสุนัขป่วยเป็นโรคหูชั้นนอกเกิดการอักเสบแล้ว สิ่งที่จะตามมาต่อจากนั้นก็คือ เยื้อแก้วหูของสุนัขจะได้รับความเสียหายตามมา ซึ่งมันจะส่งผลกระทบทำให้หูชั้นในของสุนัขเกิดการอักเสบขึ้นมาได้
แต่ในกรณีที่หูชั้นนอกของสุนัขมีการอักเสบอย่างเรื้อรัง มันจะส่งผลทำให้เยื้อแก้วหูของสุนัขได้รับความเสียหาย ซึ่งมันจะส่งผลทำให้หูชั้นกลางของสุนัขเกิดการอักเสบขึ้นมาได้
โดยส่วนใหญ่แล้วอาการหูอักเสบเหล่านี้มักจะเกิดกับสุนัขสายพันธุ์ที่มีหูยาวอย่างเช่น
- สุนัขสายพันธุ์สเปเนียล (Spaniel)
- โกลเดินริทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)
- พูเดิล (poodles)
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรคหูอักเสบชั้นนอกและก็ชั้นใน
- สุนัขจะมีอาการสั่นหัว และเกาหูอยู่เป็นประจำ
- หูของสุนัขจะมีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้นมา
- จะมีผื่นสีแดงๆ เกิดขึ้นตามช่องหูของสุนัข
- จะมีสะเก็ดเกิดขึ้นตามผิวหนังของสุนัข
- จะมีการอุดตันเกิดขึ้นที่ช่องหูของสุนัขทำให้ประสาทการได้ยินของสุนัขลดลงเป็นอย่างมาก
- สุนัขจะมีอาการอาเจียน และมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย
- สุนัขจะอยู่ในท่าหัวเอียงอยู่เป็นประจำ
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้
- สุนัขติดเชื้อรา เชื้อปรสิต รวมถึงเชื้อแบคทีเรียบางประเภท
- สุนัขแพ้อาหารบางประเภท
- สุนัขแพ้ตัวยาบางชนิด
- มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตันที่ช่องหูของสุนัข
- สุนัขป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
- มีน้ำสกปรกเข้าไปในช่องหูของสุนัข เหตุการณ์เหล่านี้มักจะเกิดจาก การที่สุนัขได้ลงเล่นน้ำในพื้นที่ที่มีความสกปรกสูง
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามถึงพฤติกรรมการเลี้ยงดูสุนัขของคุณว่า โดยปกติแล้วคุณเลี้ยงดูสุนัขของคุณอย่างไรบ้าง สุนัขมีอาการอะไรบ้าง สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการเอกซเรย์ (X-Ray) กับการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ไปที่ช่องหูของสุนัข เพื่อดูว่าภายในช่องหูของสุนัขมีการอักเสบเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
- ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีของเหลว หรือมีสารคัดหลั่งเกิดขึ้นภายในช่องหูของสุนัข ทางสัตวแพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างบางส่วนของสารคัดหลั่งเหล่านั้น เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกทีนึง
- ต่อจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการขูดผิวหนังที่บริเวณใบหูของสุนัข เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ห้องปฏิบัติการอีกทีนึงว่า ที่หูของสุนัขเกิดการอักเสบนั้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราประเภทไหนกันแน่น
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะรักษาไปตามอาการรวมถึงสาเหตุที่ตรวจพบเจอ
- แต่โดยหลักๆ แล้วทางสัตวแพทย์จะทำการล้างช่องหูของสุนัขให้สะอาดเสียก่อน เสร็จแล้วก็จะค่อยดูว่า สาเหตุที่ทำให้ช่องหูของสุนัขเกิดการอักเสบนั้น เกิดจากสาเหตุใดกันแน่น
- ในกรณีที่ตรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้ช่องหูของสุนัขเกิดการอักเสบนั้นมาจาก เชื้อรา เชื้อปรสิต รวมถึงเชื้อแบคทีเรียบางประเภท ทางสัตวแพทย์ก็จะให้ยาสำหรับกำจัดเชื้อนั้นๆ ไปที่ช่องหูของสุนัข
- ถ้าตรวจพบว่าช่องหูของสุนัขมีอาการบวมโต และมีผื่นแดงเกิดขึ้นมา ทางสัตวแพทย์ก็จะใช้ยาในกลุ่มของสเตอรอยด์ เข้ามาช่วยลดอาการเจ็บปวด ลดอาการบวมโต รวมถึงจะช่วยรักษาผื่นแดงที่เกิดขึ้นภายในช่องหูของสุนัขลงได้
- หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษา ทางสัตวแพทย์จะแนะนำวิธีทำความสะอาดช่องหูของสุนัขให้กับคุณ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้หูของสุนัขเกิดการอักเสบได้อีกครั้ง
- หน้าที่ของคุณก็คือ ต้องคอยหมั่นทำความสะอาดช่องหูของสุนัขอยู่เป็นประจำ เพื่อให้ช่องหูของสุนัขฟื้นตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
โรคนี้เป็นโรคที่คุณต้องรีบพาสุนัขของคุณไปรักษากับทางสัตวแพทย์โดยทันที ถ้าคุณปล่อยทิ้งไว้ไม่ยอมพาสุนัขไปรักษา ก็อาจจะทำให้สุนัขของคุณเกิดอาการหูหนวก และเป็นอัมพาตที่เส้นประสาทขึ้นมาได้
ถ้าการรักษาผ่านไปได้ด้วยดี ช่องหูของสุนัขจะกลับมาเป็นปกติ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน