บทนำ
บทความนี้จะมาแนะนำถึง วิธีป้องกันโรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัสในลูกสุนัข ว่าคุณควรทำอย่างไรถึงจะช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้ลูกสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคนี้ขึ้นมาได้
รวมถึงสาเหตุและอาการต่างๆ เมื่อลูกสุนัขของคุณป่วยเป็น โรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัส หรือ Canine Parvovirus ขึ้นมา สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่กำลังสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
อันตรายของ โรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัส ในลูกสุนัข
โรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัส หรือ Canine Parvovirus ในลูกสุนัข เป็นโรคลำไส้อักเสบที่มีความรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของลูกสุนัขเลย โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักจะเกิดกับลูกสุนัขที่มีอายุตั้งแต่ 2 – 6 เดือน
ทางการแพทย์ถือว่าโรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรงต่อร่างกายของลูกสุนัขเป็นอย่างมาก ลูกสุนัขของคุณอาจจะเสียชีวิตลงได้ในทันที หลังจากที่ป่วยเป็นโรคนี้ได้ไม่นาน
สาเหตุที่ทำให้ลูกสุนัขป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัส
สาเหตุที่ทำให้ลูกสุนัขติดเชื้อไวรัสชนิดนี้นั้นเกิดจาก การที่ลูกสุนัขเผลอไปทานอุจจาระหรืออาเจียน ที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้ปะปนอยู่กับสิ่งเหล่านั้น
ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งการกิน หรือการสูดดมของเสียเหล่านี้เข้าไปในร่างกายก็สามารถทำให้ลูกสุนัขติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ก็ได้เหมือนกัน
โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ลูกสุนัขสามารถเป็นพาหะนำพาโรคนี้ไปติดสู่ลูกสุนัขตัวอื่นๆ ในบ้านของคุณได้
สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่เลี้ยงลูกสุนัขไว้หลายตัวในบ้าน แล้วลูกสุนัขตัวใดตัวหนึ่งของคุณเกิดป่วยเป็นโรคนี้ขึ้นมา ให้คุณรีบแยกลูกสุนัขตัวนี้ไปรักษาไว้ยังที่อื่นก่อน
อย่าเลี้ยงรวมกันโดยเด็ดขาด เพราะลูกสุนัขตัวที่ป่วยอยู่อาจจะแพร่เชื้อไปให้ลูกสุนัขตัวอื่นๆ ในบ้านของคุณได้ ไว้คุณรักษาจนลูกสุนัขตัวที่ป่วยอยู่หายดีแล้ว คุณถึงนำกลับมาเลี้ยงรวมกันได้
อาการต่างๆ ของโรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัสในลูกสุนัข
- ลูกสุนัขจะมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน
- ลูกสุนัขจะมีอาการเซื่องซึม และนอนโทรมตลอดทั้งวัน
- น้ำหนักตัวของลูกสุนัขจะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ลูกสุนัขจะมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง และจะมีเลือดปะปนออกมากับอุจจาระของลูกสุนัข
- ลูกสุนัขจะมีภาวะขาดน้ำจนทำให้ ลูกสุนัขมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ,เหงือกแห้ง ,ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น
ถ้าลูกสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาลูกสุนัขไปหาสัตวแพทย์โดยทันทีเท่าที่คุณจะทำได้
วิธีป้องกันโรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัสในลูกสุนัข
คุณสามารถป้องกันไม่ให้ลูกสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัส (Canine Parvovirus ) ได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ให้ลูกสุนัขทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงอย่าให้ลูกสุนัขของคุณทานอาหารดิบ หรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบโดยเด็ดขาด
- พาลูกสุนัขไปถ่ายพยาธิอยู่เป็นประจำในทุก 2 เดือน
- ออกกำลังกายให้กับลูกสุนัขอยู่เป็นประจำ กับทำให้ลูกสุนัขมีสุขภาพจิตที่ดีอยู่เสมอ การทำแบบนี้จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลูกสุนัข ให้สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสเหล่านี้ได้
- หลีกเลี่ยงอย่าให้ลูกสุนัขของคุณเล่นกับสุนัขจรจัด หรือไปเล่นกับสุนัขแปลกหน้าที่คุณไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
- ในกรณีที่บ้านของคุณเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว ถ้าเกิดว่ามีลูกสุนัขตัวใดตัวหนึ่งเกิดป่วยเป็นโรคนี้ขึ้นมา ให้คุณรีบแยกลูกสุนัขตัวนั้นไว้ในพื้นที่ส่วนตัว หรือแยกเลี้ยงไว้ในกรงก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสุนัขตัวนั้นแพร่เชื้อโรคชนิดนี้ไปติดกับสุนัขตัวอื่นๆ ในบ้านของคุณได้
- หมั่นทำความสะอาดพื้นที่ในบ้านของคุณอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ที่ลูกสุนัขพักอาศัยอยู่
- คุณควรล้างมือของตัวเองให้สะอาดก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะเล่นกับลูกสุนัขของคุณ
พาลูกสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัส
วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ป้องกันได้ผลดีที่สุดแล้ว โดยคุณสามารถพาลูกสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้ตั้งแต่ตอนที่ลูกสุนัขของคุณมีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป
และให้คุณพาลูกสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนชนิดนี้ซ้ำอีก 2 ทีในทุก 2 เดือน กับพาสุนัขตัวเดิมไปฉีดวัคซีนชนิดนี้ซ้ำอีกทีปีละ 1 เข็ม
สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่อ่านแล้วรู้สึกสับสนว่าหลังจากที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ฉันต้องพาลูกสุนัขของฉันไปฉีดวัคซีนชนิดนี้ซ้ำอีกครั้งในตอนไหน ก็ขอให้คุณไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก
เพราะหลังจากที่คุณพาลูกสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบพาร์โวไวรัสในเข็มแรกไปแล้ว ในเข็มต่อไปทางสัตวแพทย์จะเป็นคนออกใบแจ้งนัดให้กับคุณเองว่า
วันไหนที่คุณต้องพาลูกสุนัขของคุณมาฉีดวัคซีนชนิดนี้ซ้ำอีกครั้ง ซึ่งหน้าที่ของคุณก็เพียงแค่พาลูกสุนัขของคุณ มาฉีดวัคซีนตามวันที่ที่ทางใบแจ้งนัดในระบุเอาไว้ก็พอแล้ว