บทนำ
โรคฮีโมฟีเลียในสุนัข เป็นโรคทางพันธุกรรมของสุนัข ที่ทำให้ระบบการแข็งตัวของเลือดสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้นมา
จนส่งผลทำให้มีเลือดไหลออกมาตามส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัขไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ปาก จมูก คอ และดวงตา
แล้วถ้าสุนัขตัวไหนมีอาการอย่างรุนแรง ก็จะทำให้สุนัขตัวไหนสูญเสียเลือดออกจากร่างกายเป็นจำนวนมาก จนทำให้สุนัขเสียชีวิตลงได้
สุนัขตัวไหนที่ป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย จะรู้สึกเจ็บปวดที่ร่างกายเป็นอย่างมาก ตลอดการป่วยเป็นโรคนี้
โดยโรคนี้แม่สุนัขจะเป็นพาหะนำมาโรคนี้มาติดสู่ลูกสุนัข ลูกสุนัขตัวผู้ที่คลอดออกมา จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้สูงกว่าลูกสุนัขตัวเมีย
อาการต่างๆ ของโรคฮีโมฟีเลียในสุนัข
- สุนัขจะมีเลือดไหลออกมาตามส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็นทาง ปาก จมูก คอ และดวงตา
- สุนัขจะรู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณที่มีเลือดออกเป็นอย่างมาก
- จะมีอาการบวมเกิดขึ้นที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อของสุนัข
- จะมีจุดแดงๆ เกิดขึ้นตามผิวหนังของสุนัข
- สุนัขจะมีอาการเหมือนคนตาบอดมองไม่เห็นอะไรเลย
- อุจจาระที่สุนัขขับถ่ายออกมาจะมีสีดำและมีเลือดปะปนอยู่ในอุจจาระ
- สุนัขจะมีภาวะช็อก หมดสติ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย
แม่สุนัขมีความบกพร่องทางยีนพันธุกรรม โดยจะมีความบกพร่องในยีนการแข็งตัวของเลือดในตัวที่ 8 และ 9 ซึ่งเป็นยีนที่ช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด
โดยยีนที่บกพร่องเหล่านั้นจะถูกส่งทอดมายังลูกสุนัขผ่านการคลอดลูกสุนัขออกมา โดยโอกาสที่ลูกสุนัขจะป่วยเป็นโรคนี้หลังจากการคลอดจะมีอยู่ด้วยกันประมาณ 50%
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามกับคุณว่า สุนัขของคุณมีอาการอะไรบ้าง สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำเก็บตัวอย่างของเลือดสุนัข เพื่อนำไปตรวจสอบดูการแข็งตัวของเลือดสุนัข ด้วยวิธีทดสอบ APTT (activated partial thromboplastin time) โดยวิธีนี้จะช่วยให้ทางสัตวแพทย์ทราบได้ว่า การแข็งตัวของเลือดสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการวัดระดับความแตกต่างของโปรตีนในเลือดของสุนัข วิธีนี้จะช่วยให้ทางสัตวแพทย์รู้ได้ว่า สุนัขกำลังป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลียอยู่หรือเปล่า
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคฮีโมฟีเลียในสุนัข สิ่งที่ทางสัตวแพทย์ทำได้ก็คือ การบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสุนัข
แต่โดยหลักๆ แล้วทางสัตวแพทย์จะทำการถ่ายเลือดให้กับสุนัข หรือบางทีอาจจะใช้วิธีพลาสมาไปยังหลอดเลือดดำของสุนัข วิธีนี้จะช่วยควบคุมการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายของสุนัขได้
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
โรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก สุนัขจะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงเป็นอย่างมาก ถ้าปล่อยให้เลือดไหลติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
ดังนั้นถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการเลือดไหลออกมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัขเป็นเวลามากกว่า 1 – 2 ชั่วโมง ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณไปหาสัตวแพทย์โดยทันที
ถ้าคุณพบว่าแม่สุนัขที่คุณเลี้ยงเป็นพาหะนำพาโรคนี้มาติดลูกสุนัข ให้คุณรีบพาแม่สุนัขไปทำหมันโดยทันที
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แม่สุนัขไปผสมพันธุ์กับสุนัขตัวผู้ตัวอื่นๆ จนทำให้ลูกสุนัขที่คลอดออกมานั้นต้องป่วยเป็นโรคนี้อีก