บทนำ
ถึงแม้ว่าปัจจัยที่จะทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคมะเร็งได้นั้น มีได้หลากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
- พันธุกรรม
- สิ่งแวดล้อมที่สุนัขพักอาศัยอยู่เป็นประจำ
- อาหารที่สุนัขกินได้แต่ละวัน
- สุนัขได้รับสารก่อเกิดมะเร็งติดต่อกันเป็นเวลานาน
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแสงแดดที่ร้อนจัดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สุนัขของคุณป่วยเป็นโรคมะเร็งขึ้นมาได้เหมือนกัน
โดยบทความนี้จะมาบอกให้กับคุณผู้อ่านฟังว่า ถ้าสุนัขของคุณถูกแสงแดดที่ร้อนจัดติดต่อกันเป็นเวลานานนั้น จะทำให้สุนัขของคุณมีโอกาสป่วยเป็นโรคมะเร็งชนิดไหนได้บ้าง
สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่อยากรู้ว่ามีโรคอะไรบ้างนั้น ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
3 โรคมะเร็งผิวหนังที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าสุนัขถูกแสงแดดที่ร้อนจัดติดต่อกันเป็นเวลานาน
1. มะเร็งชนิด Hemangiosarcoma
โรคมะเร็งชนิดนี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับสุนัขที่ตากแดดในจุดที่มีแสงแดดร้อนจัดติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยโรคมะเร็งชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นตามจุดที่ไม่มีขนของสุนัขอย่างเช่น ตามบริเวณหน้าท้อง หรือต้นขาเป็นต้น
สุนัขที่จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่ายก็จะมีสุนัขสายพันธุ์
- แดลเมเชียน
- อเมริกันพิทบูล เทอร์เรีย
- วิปเพ็ท
- รวมถึงสุนัขที่มีขนสีขาวทั่วทั้งตัวก็จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่ายกว่าสุนัขที่มีขนสีอื่น
อาการของโรค Hemangiosarcoma ในสุนัข
- ผิวหนังของสุนัขจะเปลื่ยนจากสีปกติกลายเป็นสีแดงคล้ำจนไปถึงสีดำ
- สุนัขจะมีอาการขนหลุดร่วงตามตัว
- สุนัขจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอยู่เป็นประจำ
- สุนัขจะเหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง
- น้ำหนักตัวของสุนัขจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ปัสสาวะเป็นเลือด
วิธีรักษาโรค Hemangiosarcoma ในสุนัข
สำหรับวิธีรักษาจะแตกต่างกันไปตามขนาดก้อนมะเร็งที่ตรวจพบเจอ ถ้าพบว่าเซลล์มะเร็งมีขนาดเล็กก็จะทำการผ่าตัดนำเซลล์มะเร็งชิ้นนั้นออกมา แต่ในกรณีที่เซลล์มะเร็งมีขนาดใหญ่โตจนไม่สามารถผ่าตัดออกได้ ก็จะใช้วิธีเคมีบำบัดแทน
สำหรับเซลล์มะเร็งชนิดนี้ถึงแม้ว่าจะผ่าตัดออกไปแล้ว มันก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกครั้ง แถมเซลล์มะเร็งดังกล่าวยังเป็นเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายตัวไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัขได้อย่างรวดเร็วอีกดวย
2. เนื้องอกชนิด Basal cell tumors
ทางการแพทย์ไม่ถือว่าเนื้องอกชนิดนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายของสุนัขมากนัก ถ้าตรวจพบเจอในระยะเริ่มต้นก็สามารถทำการรักษาได้ด้วยการ ผ่าตัดนำเนื้องอกชนิดนี้ออกมาได้เลย ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้ก็ได้ผลที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
จากผลการศึกษาวิจัยต่างๆ พบว่าปัจจัยที่กระตุ้นให้สุนัขเกิดเนื้องอกชนิดนี้ขึ้นมาได้นั้น เกิดจากการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (แสงแดด) ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยส่วนใหญ่แล้วเนื้องอกชนิดนี้จะพบได้ใน
- สุนัขวัยชราที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป
- สุนัขสายพันธุ์ เคอร์รี บลู เทอร์เรีย
- สุนัขสายพันธุ์ ไวร์แฮร์ พ้อยติ้ง กริฟฟอน
- สุนัขสายพันธุ์ ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรีย
โดยเนื้องอกชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ บนร่างกายของสุนัขดังต่อไปนี้
- ใบหู
- หัวไหล่
- ลำคอ
- ขาหน้า
- บนหัวของสุนัข
สำหรับเนื้องอกชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งๆ มีความยาวประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร ในสุนัขบางรายอาจจะพบแผลหลุมเกิดขึ้นบนเนื้องอกร่วมด้วย
ทางการแพทย์ไม่ถือว่าเนื้องอกชนิดนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายของสุนัขมากนัก เพราะเนื้องอกดังกล่าวไม่ได้แพร่กระจายตัวไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายของสุนัข การรักษาจึงทำได้ด้วยการผ่าตัดนำเนื้องอกออกมาได้เลย ซึ่งวิธีนี้ก็ค่อนข้างได้ผลที่ดีเลย
3. มะเร็งชนิด Squamous cell carcinoma (SCC)
โรคมะเร็งชนิดนี้ก็เป็นโรคมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในสุนัขที่ตากแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน กับสุนัขบางสายพันธุ์ที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่ายอย่างเช่น
- บูล เทอร์เรีย
- แดลเมเชียน
- พูเดิล
- คอลลี่
- ชเนาเซอร์
โดยส่วนใหญ่โรคมะเร็งชนิดนี้มักจะพบได้บ่อยตามจุดที่มีขนขึ้นน้อยของสุนัขอย่างเช่น
- ตรงบริเวณปลายจมูก
- บนหัว
- หน้าท้อง
- ตามขา
- ก้น
- ถุงหุ้มอัณฑะ
ลักษณะของก้อนมะเร็งชนิดนี้จะเป็นแบบก้อนนูนแข็ง อาจจะมีแผลหลุมร่วมด้วยเป็นบางครั้ง ทางการแพทย์จัดให้ก้อนเนื้องอกประเภทนี้เป็นก้อนเนื้องอกกระจายตัวได้ช้า แต่สามารถแพร่กระจายไปทำความเสียหายต่อต่อมน้ำเหลือง กับปอดของสุนัขได้
สำหรับวิธีรักษาโรคนี้ในสุนัขสามารถได้ทำด้วยการผ่าตัด ร่วมกับการฉายรังสี และการทำเคมีบำบัดอย่างต่อเนื่อง แต่เนื้องอกชนิดนี้ถึงแม้ว่าจะผ่าตัดออกไปแล้ว มันก็ยังสามารถกลับมาเป็นได้อีกครั้ง
บทส่งท้าย
พออ่านกันถึงตรงนี้แล้วคุณผู้อ่านน่าจะพอทราบกันแล้วว่า มีโรคมะเร็งชนิดไหนบ้างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าสุนัขของคุณตากแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน ดังนั้นทางที่ดีคุณควรหลีกเลี่ยงอย่าให้สุนัขของคุณไปอยู่ในที่ที่มีแสงแดดร้อนจัดเป็นอันขาด
ถ้าคุณจำเป็นต้องพาสุนัขของคุณไปอยู่ในที่ที่มีแสงแดดร้อนจัดจริงๆ คุณควรทาครีมกันแดดให้กับสุนัขของคุณ (ห้ามมีส่วนผสมของ zinc oxide อยู่ในครีมกันแดดโดยเด็ดขาด)
รวมถึงให้คุณสำรวจว่าในจุดที่สุนัขของคุณชอบนอนเล่นพักผ่อนอยู่นั้น มีแสงแดดส่องผ่านเข้ามาหรือเปล่า ถ้ามีให้คุณปิดม่าน หรือหาอะไรมากั้นไม่ให้สุนัขของคุณต้องสัมผัสถูกแสงแดด