ขั้นตอนการบริจาคเลือดของสุนัข

ขั้นตอนการบริจาคเลือดของสุนัข

บทนำ

บทความนี้จะมาบอกถึงขั้นตอนการบริจาคเลือดของสุนัข ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง มีสิ่งไหนที่คุณควรรู้ไว้ก่อนที่จะพาสุนัขของคุณไปบริจาคเลือด

รวมตัวบทความจะบอกถึงเรื่องต่างๆ ที่คุณควรรู้อย่างเช่น

  • เลือดของสุนัขแบ่งเป็นกี่ประเภท
  • มีเลือดสุนัขกรุ๊ปไหนที่บริจาคไม่ได้บ้าง
  • สุนัขของคุณมีคุณสมบัติพบที่จะบริจาคเลือดได้ไหม
  • ขั้นตอนการติดต่อขอบริจาคเลือดสุนัข
  • คุณสามารถพาสุนัขของคุณไปบริจาคเลือดได้ที่ไหนบ้าง

ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนที่กำลังสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ

เลือดแต่ละกรุ๊ปของสุนัข

เลือดของสุนัขแบ่งออกได้เป็น 8 กรุ๊ปหลักๆ ด้วยกันได้แก่

เลือดกรุ๊ป DEA1.1 , DEA 1.2 , DEA 3 , DEA 4 , DEA 5 , DEA 6 , DEA 7, DEA 8 เลือดของสุนัขจะแตกต่างจากเลือดของมนุษย์ตรงที่เลือดของพวกมันจะไม่มี Antibody ในน้ำเลือด

อีกทั้งสุนัขที่มี กรุ๊ปเลือด DEA 1.1 , 1.2 จะไม่สามารถบริจาคเลือดได้ ซึ่งมันจะคล้ายๆ กับในกรณีของมนุษย์ ที่กลุ่มคนกรุ๊ปเลือด AB จะไม่สามารถบริจาคเลือดให้กับคนอื่นได้

ดังนั้นก่อนที่คุณจะให้สุนัขของคุณบริจาคเลือด คุณต้องพาสุนัขของคุณไปตรวจดูกรุ๊ปเลือดก่อนว่า กรุ๊ปเลือดของสุนัขอยู่ในกลุ่มที่สามารถบริจาคเลือดได้หรือเปล่า

มีสุนัขกรุ๊ปเลือดไหนที่บริจาคเลือดไม่ได้บ้าง

คุณสมบัติของสุนัขที่สามารถบริจาคเลือดได้

ถ้าคุณตรวจดูแล้วว่ากรุ๊ปเลือดสุนัขของคุณสามารถบริจาคเลือดได้ สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำก็คือ ให้คุณตรวจสอบดูว่าสุนัขของคุณมีคุณสมบัติครบถ้วน ตามที่เค้าต้องการหรือเปล่า โดยดูจากสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้

  1. สุนัขของคุณต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง และมีอายุตั้งแต่ 1 – 8 ปี โดยไม่จำกัดเพศและสายพันธุ์ใดๆ แต่ในกรณีที่สุนัขของคุณเป็นสุนัขเพศเมีย คุณต้องรอให้สุนัขของคุณหมดประจำเดือนในเดือนนั้นก่อน คุณถึงจะนำสุนัขของคุณมาบริจาคเลือดได้
  2. สุนัขของคุณต้องมีน้ำหนักตัวมากกว่า 17 กิโลกรัมขึ้น
  3. คุณต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าสุนัขของคุณได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนแล้ว
  4. สุนัขของคุณไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อต่างๆ อย่างเช่น โรคพยาธิเม็ดเลือด หรือโรคพยาธิหนอนหัวใจเป็นต้น
  5. สุนัขของคุณต้องไม่เคยเจ็บป่วยหนักๆ จนได้รับการผ่าตัดใหญ่ในช่วง 1 – 2 เดือนที่ผ่านมา
  6. สุนัขของคุณไม่มีโรคร้ายแรงประจำตัวอย่างเช่น โรคเบาหวาน ,โรคฉี่หนู ,โรคพาร์โวไวรัส (PARVO VIRUS) เป็นต้น
  7. สุนัขของคุณไม่ได้ป่วยเป็นโรคผิวหนังหรือโรคที่เกี่ยวกับเห็บและหมัด
  8. สุนัขของคุณมีสุขภาพฟันที่ดี ฟันไม่ผุหรือมีคราบหินปูนเกิดขึ้นตามฟันของสุนัข
  9. ในกรณีที่สุนัขของคุณฉีดวัคซีนป้องกันโรคประจำปีต่างๆ อย่างเช่น โรคหัด ,โรคลำไส้อักเสบ ,โรคตับอักเสบ ,โรคพิษสุนัขบ้า ให้คุณเว้นระยะเวลาบริจาคเลือดไปก่อนประมาณ 1 – 2 เดือน แล้วคุณค่อยพาสุนัขของคุณมาบริจาคเลือด

ขั้นตอนการพาสุนัขเข้ารับการบริจาคเลือด

หลังจากตรวจเช็คดูแล้วว่าสุนัขของคุณอยู่ในกลุ่มกรุ๊ปเลือดที่สามารถบริจาคได้ และสุนัขของคุณมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เค้าระบุเอาไว้ ต่อมาก็ถึงขั้นตอนที่จะพาสุนัขของคุณไปบริจาคเลือดแล้ว โดยที่คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้ได้เลย  

  1. ให้คุณลองค้นหาข้อมูลใน google ว่ามีหน่วยงานไหน หรือมีโรงพยาบาลไหนเปิดรับการบริจาคเลือดของสุนัขบ้าง แล้วให้คุณลองโทรไปสอบถามรายละเอียดดู แล้วคุณก็ทำการนัดวันที่จะพาสุนัขของคุณไปบริจาคเลือดดู
  2. เมื่อถึงวันบริจาคเลือด คุณก็พาสุนัขของคุณไปที่หน่วยงาน หรือโรงพยาบาลนั้นๆ ตามที่คุณนัดเอาไว้ โดยให้คุณแจ้งกับทางสัตวแพทย์ว่าคุณจะพาสุนัขของคุณไปบริจาคเลือด แล้วทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดและคุณสมบัติต่างๆ ของสุนัขให้กับคุณเอง ในกรณีที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น หรือมีคุณภาพไม่ครบถ้วน ทางสัตวแพทย์จะเป็นคนแจ้งให้กับคุณเองหลังจากที่ผ่านขั้นตอนการตรวจสุขภาพอย่างครบถ้วนแล้ว
  3. หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจสอบสุขภาพของสุนัข ทางสัตวแพทย์ก็จะเริ่มทำการเจาะเลือดของสุนัข ระหว่างการเก็บเลือดทางสัตวแพทย์จะทำการจ่ายยาซึมให้กับสุนัข เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขของคุณดิ้นระหว่างที่ทำการเจาะหรือเก็บเลือดอยู่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วทางสัตวแพทย์จะใช้วิธีการเจาะเลือดตรงบริเวณลำคอของสุนัขเพื่อนำเลือดออกมา สำหรับคุณผู้อ่านคนไหนที่กังวลว่ายาซึมจะมีผลข้างเคียงใดๆ กับสุนัขของคุณหรือเปล่า ก็ต้องขอบอกว่ายาซึมนั้นไม่มีผลข้างเคียงหรือมีผลอันตรายใดๆ ต่อร่างกายของสุนัขเลย ดังนั้นขอให้คุณสบายใจได้
  4. หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการเก็บเลือดของสุนัขแล้ว ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการจ่ายยาบำรุงเลือดมาให้กับสุนัขของคุณ ได้ทานในระหว่างที่กำลังพักฟื้นอยู่ พร้อมทั้งให้บัตรประจำตัวผู้บริจาคเลือดกับสุนัขของคุณ ซึ่งขั้นตอนการบริจาคเลือดนั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แถมทั้งคุณและก็สุนัขของคณ ยังได้บุญจากการช่วยเหลือสุนัขผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ รวมถึงสุนัขที่ต้องการกรุ๊ปเลือดในการรักษาโรคต่างๆ

ขั้นตอนการบริจาคเลือดของสุนัข จะใช้เวลาประมาณ  5 – 15 นาทีเท่านั้น สุนัขของคุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เลยในระหว่างที่กำลังบริจาคเลือด อาจจะมีรู้สึกรำคาญเข็มที่จิ้มอยู่ตรงลำคอบ้างเล็กน้อย

และหลังจากการบริจาคเลือด นอกจากสุนัขจะได้บุญแล้ว ร่างกายของสุนัขก็จะยิ่งแข็งแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เพราะหลังจากที่ร่างกายของสุนัขสูญเสียเลือดบางส่วนไป

ร่างกายของสุนัขจะผลิตเม็ดเลือดขึ้นมาใหม่ทดแทนเม็ดเลือดที่สูญเสียไป ซึ่งเม็ดเลือดที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นจะมีความแข็งแรงกว่าเม็ดเลือดเก่าที่สูญเสียไปจากร่างกาย

สถานที่รับบริจาคเลือดของสุนัข

สถานที่รับบริจาคเลือดของสุนัข

ในกรณีที่คุณอยากให้สุนัขของคุณบริจาคเลือด แต่คุณยังไม่มั่นใจว่าสถานที่รับบริจาคเลือดของสุนัขนั้นมีคุณภาพหรือเปล่า คุณก็สามารถพาสุนัขของคุณไปบริจาคเลือดได้ที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน

โดยทางโรงพยาบาลจะเปิดในทุกๆ วันจันทร์ – ศุกร์ ช่วงเวลาประมาณเวลา 08.30 – 16.30 น. และทุกวันเสาร์ในช่วงเวลาประมาณ เวลา 08.30 – 12.00 น. ทางโรงบาลจะหยุดในทุกวันอาทิตย์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนที่คุณจะพาสุนัขของคุณไปบริจาคเลือด ให้คุณลองโทรไปสอบถามข้อมูลดูก่อนว่า ทางโรงพยาบาลเปิดทำการ หรือเปิดรับบริจาคเลือดสุนัขอยู่หรือเปล่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คุณพาสุนัขไปเสียเที่ยว

สำหรับเบอร์ติดต่อนั้นคุณสามารถติดได้ด้วยเบอร์โทร 0 – 2942 – 8756 – 9 ต่อ 2118 หรือเบอร์โทร 0 – 2579 – 7540 ต่อ 2329 เลยครับ