บทนำ
Carvical spondylomyelopathy (CSM) หรือ wobbler syndrome ในสุนัข เป็นโรคที่เกิดจากการที่กระดูกสันหลังส่วนคอของสุนัข ไปกดทับเส้นประสาทของสุนัข
ซึ่งมันจะทำให้สุนัขรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณคอเป็นอย่างมาก และนอกจากนี้โรค rvical spondylomyelopathy ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับหมอนรองกระดูกสันหลังของสุนัขอีกด้วย
โดยส่วนใหญ่แล้วสุนัขที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้สูงจะเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนาดตัวใหญ่อย่างเช่น
- สุนัขโดเบอร์แมน (Doberman Pinchers)
- รอตต์ไวเลอร์ (Rottweilers)
- เกรตเดน (Great Danes)
- บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound)
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรค Cervical Spondylomyelopathy
- สุนัขจะมีอาการคอแข็งและปวดคอ
- ท่าทางการเดินของสุนัขจะเปลื่ยนแปลงไปจากปกติ
- สุนัขจะมีอาการอ่อนแรงและอ่อนเพลีย
- สุนัขจะมีอาการเกร็งที่ลำตัว และขาหน้าของสุนัขจะดูไม่ค่อยมีแรงเดิน
- สุนัขจะมีอาการเดินๆ นั่งๆ อยู่ตลอดเวลา
- กล้ามเนื้อตรงบริเวณหัวไหล่ของสุนัขจะมีการฝ่อเกิดขึ้น
- สุนัขจะมีอาการเกร็งเล็บเท้าในขณะที่เดิน
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรค Cervical Spondylomyelopathy
- สุนัขทานโปรตีน หรือแคลเซียม ในปริมาณมากจนเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานาน จนร่างกายของสุนัขรับปริมาณโปรตีน กับแคลเซียมไม่ไหว
- สุนัขที่มีการเจริญเติบโตทางร่างกายอย่างรวดเร็วกว่าปกติ จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้สูงเป็นอย่างมาก จึงทำให้โรคนี้มักจะเกิดกับสุนัขสายพันธุ์ขนาดตัวใหญ่ เพราะร่างกายของสุนัขสายพันธุ์เหล่านี้ จะมีการเจริญเติบโตที่เร็วจนเกินไป
วินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามถึงอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงจะสอบถามว่าสุนัขเคยได้รับอุบัติเหตุอย่างรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อร่างกายของสุนัขหรือไม่
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะให้กับสุนัข เพื่อดูว่าภายในร่างกายของสุนัขมีอะไรผิดปกติขี้นมาบ้าง
- หลังจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ไปที่กระดูกสันหลังของสุนัข รวมถึงประสาทสันหลังของสุนัข (Myelography) เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองส่วนนี้หรือเปล่า
- การตรวจเอกซเรย์ นั้นจะช่วยให้ทางสัตวแพทย์ทราบได้ว่าไขสันหลังของสุนัขมีการถูกกดทับอยู่หรือเปล่า
- สำหรับการตรวจระบบประสาทไขสันหลัง (Myelography) นั้นจะช่วยให้ทางสัตวแพทย์ทราบได้ว่า มีเนื้องอกเกิดขึ้นที่ไขสันหลังของสุนัขหรือเปล่า รวมถึงไขสันหลังของสุนัขมีการอักเสบเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
- ในขั้นตอนสุดท้ายทางสัตวแพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างบางส่วนจากน้ำไขสันหลังของสุนัข เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ห้องปฏิบัติการอีกทีหนึ่ง
วิธีการรักษาสุนัขจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะรักษาไปตามจุดตำแหน่งที่ไขสันหลังของสุนัขถูกกดทับ
- เมื่อรักษาจนอาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นมาแล้ว ทางสัตวแพทย์จะแนะนำให้คุณซื้อที่นอนป้องกันแผลกดทับ เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขกดเป็นแผลกดทับได้ในระหว่างที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่ เพราะในช่วงนี้สุนัขจะยังไม่สามารถเดินได้ เพราะรู้สึกปวดเจ็บที่เส้นประสาทอยู่
- สำหรับโรค Cervical Spondylomyelopathy ในสุนัข เป็นโรคที่สุนัขต้องใช้เวลาพักฟื้นตัวอย่างยาวนาน อาการต่างๆ ถึงจะเริ่มดีขึ้นมา โดยปกติแล้วหลังจากที่รักษาไป อาการต่างๆ ของสุนัขจะเริ่มดีขึ้นเมื่อเวลาไปผ่านประมาณ 2 – 3
- ถ้าตรวจพบว่าสุนัขมีอาการกล้ามเนื้อฝ่อกับมีอาการกระดูกยึดติด หลังจากรักษาจนอาการต่างๆ ดีขึ้นแล้ว ทางสัตวแพทย์จะทำการนัดสุนัขให้กลับมาทำการกายภาพบำบัดอยู่เป็นประจำ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อของสุนัขกลับมาฟื้นตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น
- เมื่ออาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นแล้ว ทางสัตวแพทย์จะทำการปรับเปลื่ยนเมนูอาหารของสุนัข ให้เป็นเมนูอาหารชนิดใหม่ โดยจะเน้นไปที่อาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง แต่มีโปรตีนและแคลเซียมอยู่ในระดับต่ำ ในระหว่างที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่ คุณต้องให้สุนัขของคุณทานแต่อาหารประเภทนี้ ห้ามทานอาหารชนิดอื่นๆ โดยเด็ดขาด
วิธีดูแลสุนัขในช่วงพักฟื้นร่างกาย
- ในช่วงที่สุนัขกำลังพักฟื้นตัวอยู่นั้น คุณต้องงดกิจกรรมทุกอย่าง ที่สุนัขของคุณต้องทำการขยับตัวอย่างเช่น การกระโดด หรือการวิ่งออกกำลังกาย เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระดูกสันหลังของสุนัขขึ้นมาได้
- ในช่วงพักฟื้นตัวอยู่ให้สุนัขของคุณอาศัยอยู่แต่ในบ้าน ห้ามพาออกข้างนอกโดยเด็ดขาด และให้คุณถอดปลอกคอของสุนัขออกด้วย เพราะปลอกคอของสุนัขจะไปกดทับทำให้ไขสันหลังของสุนัขต้องทำงานหนัก และเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้นได้
- ในช่วงที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่นั้น ให้คุณคอยสังเกตอาการต่างๆ ของสุนัขอย่างใกล้ชิด ถ้าอาการต่างๆ ของสุนัขยังไม่ดีขึ้นเลย ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณกลับเข้าพบสัตวแพทย์โดยทันที เพราะอาจจะมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทางสัตวแพทย์ยังตรวจไม่พบเจอก็ได้เหมือนกัน