บทนำ
เมื่อสุนัขเข้าสู่วัยชราอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายของพวกมันก็จะเริ่มเสื่อมถอยลง ซึ่งมันจะทำให้สุนัขวัยชราของคุณมีโอกาสป่วยเป็นโรคต่างๆ ขึ้นมาได้อย่างเช่น
- โรคเบาหวาน
- โรคหัวใจ
- โรคข้ออักเสบ
- โรคเกี่ยวกับปากและฟัน
- โรคต้อกระจก
- โรคไตวายเรื้อรัง
ซึ่งบทความนี้จะมาแนะนำ 6 คำถามที่เป็นตัวช่วยเช็คว่าสุภาพของสุนัขวัยชราในตอนนี้เป็นอย่างไร สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่อยากตรวจเช็คสุขภาพของสุนัขวัยชราอย่างเบื้องต้น ด้วยวิธีการสังเกตอาการต่างๆ จากคำถามเหล่านี้ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ โดยเรามาเริ่มกันในคำถามแรกนั้นก็คือ
1. สุนัขยังทานอาหารเป็นปกติดีอยู่หรือไม่
คุณสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขวัยชราของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากหรือไม่ โดยดูจากการทานอาหารของพวกมัน
- ถ้าสุนัขของคุณมีอาการปวดฟันพวกมันมักจะมีพฤติกรรมกลืนอาหารโดยไม่ผ่านการเคี้ยวเลย หรืออาจจะเข้ามาดมอาหารแล้วก็กลับไปนอนเลย
- ถ้าสุนัขของคุณมีอาการกลืนอาหารลำบาก ให้คุณลองเปิดปากของสุนัขดูว่า ภายในช่องปากของสุนัขมีก้อนเนื้องอกอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
และอีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรตรวจสอบอยู่เป็นประจำก็คือ ให้คุณดูว่าสุนัขของคุณมีกลิ่นปาก หรือมีคราบหินปูนเกิดขึ้นตามฟันหรือเปล่า ถ้ามีให้คุณรีบพาสุนัขขูดคราบหินปูน รวมถึงพาสุนัขไปตรวจหาสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก เพราะอาการดังกล่าวเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณอาจจะกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ไต และหัวใจอยู่ก็เป็นได้
2. น้ำหนักตัวของสุนัขเป็นอย่างไร
น้ำหนักตัวของสุนัขเป็นตัวที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณในตอนนี้มีสุขภาพเป็นอย่างไร
- ถ้าสุนัขของคุณทานเก่งแต่กลับยิ่งผอมลง อาการดังกล่าวเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับไตอย่างเช่น ไตวายเรื้อรังเป็นต้น
- ถ้าสุนัขของคุณมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาการดังกล่าวเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นโรคข้ออักเสบอยู่ (เมื่อสุนัขวัยชราป่วยเป็นโรคข้ออักเสบ พวกมันก็จะไม่ยอมขยับตัวไปไหนวันๆ เอาแต่นอน ซึ่งมันจะทำให้ร่างกายของสุนัขไม่ได้รับการออกกำลังกาย จนเป็นสาเหตุทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคอ้วนขึ้นมาได้)
3. สุนัขวัยชราของคุณยังลุกนั่งขึ้นเดินเป็นปกติดีหรือไม่
เป็นเรื่องที่คุณต้องคอยสังเกตอยู่เป็นประจำว่า สุนัขของคุณยังลุกนั่งขึ้นเดินเป็นปกติดีหรือไม่ เพราะเมื่อสุนัขเข้าสู่วัยชราพวกมันมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับข้ออักเสบ กระดูกเสื่อม ซึ่งอาการดังกล่าวจะส่งผลทำให้สุนัขวัยชราลุกขึ้นนั่งเดินยากลำบาก หรือมีอาการนั่งอยู่กับที่ตลอดทั้งเวลาไปเลย
คุณควรพาสุนัขของคุณไปตรวจสุขภาพกับทางสัตวแพทย์ในทันที ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการนอนอยู่เฉยๆ ตลอดทั้งวัน เพราะจะมีโอกาสสูงที่สุนัขของคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก หรือข้อต่ออยู่ก็เป็นได้
4. การขับถ่ายปัสสาวะของสุนัขเป็นอย่างไร
- ถ้าสุนัขของคุณมีพฤติกรรมขับถ่ายปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะวันละหลายๆ รอบ อาการดังกล่าวเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง โรคเบาหวาน หรือโรคคุชชิ่ง (Cushing’s syndrome) อยู่ก็เป็นได้
- ถ้าสุนัขของคุณมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือมีอาการปัสสาวะเล็ด อาการดังกล่าวเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณอาจจะกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหูรูดในกระเพาะปัสสาวะ หรืออาจจะเป็นอาการของระบบประสาทส่วนท้ายลำตัวเป็นอัมพาตขึ้นมาได้
- สำหรับสุนัขตัวไหนที่มีอาการปัสสาวะติดขัด หรือปัสสาวะได้ไม่สุด อาการดังกล่าวเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับนิ่ว หรือโรคไตอยู่ก็เป็นได้
5. การมองเห็นของสุนัขเป็นอย่างไร
สิ่งที่คุณต้องสังเกตอยู่เป็นประจำเมื่อสุนัขของคุณเข้าสู่วัยชราก็คือ ให้คุณดูว่าดวงตาของสุนัขในตอนนี้เป็นอย่างไร มีอาการขุ่นขาวเกิดขึ้นที่กระจกตา หรือมีต้อหินเกิดขึ้นที่กระจกตาหรือเปล่า
ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าดวงตาของสุนัขกำลังมีปัญหาอยู่ คุณควรรีบพาสุนัขของคุณไปตรวจสุขภาพดวงตากับทางสัตวแพทย์ในทันที ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการ
- เดินชนสิ่งของต่างๆ ที่วางอยู่ตามพื้น
- เดินมาหาคุณช้ากว่าปกติ หลังจากที่คุณเรียกชื่อของพวกมันแล้ว
- สุนัขมีอาการหวาดกลัวไม่กล้าก้าวเท้าเดินไปไหน
- สุนัขจะชอบส่งเสียงเห่าออกมาเมื่อได้ยินเสียง หรือกลิ่นที่พวกมันรู้สึกไม่คุ้นเคย
6. สุนัขมีอาการเหนื่อยหอบ เหนื่อยง่ายและมีอาการไออย่างเรื้อรังหรือเปล่า
เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษนั้นก็คือ ให้คุณดูว่าสุนัขของคุณมีอาการไออย่างเรื้อรัง หรือไม่ (มีอาการไออย่างเรื้อรังมากกว่า 3 – 4 สัปดาห์) เพราะอาการดังกล่าวเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณอาจจะกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจวายเรื้อรัง หรือโรคหอบอยู่ก็เป็นได้
รวมถึงอีกอาการหนึ่งที่คนเลี้ยงสุนัขทุกคนต้องใส่ใจก็คือ ให้คุณดูว่าสุนัขวัยชราของคุณมีอาการเหนื่อยหอบ ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้วหรือเปล่าอย่างเช่น ลุกขึ้นมาเดินได้ไม่ถึง 2 นาทีก็เหนื่อยลิ้นห้อยแล้ว
ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ติดต่อกันมากกว่า 2 – 3 สัปดาห์ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณไปตรวจสุขภาพกับทางสัตวแพทย์ในทันที เพราะสุนัขของคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับปอด หัวใจ หรือมีเนื้องอกเกิดขึ้นภายในช่องท้อง หรือช่องอกของสุนัขอยู่ก็เป็นได้