บทนำ
บทความนี้จะมาแนะนำ 5 สิ่งที่คุณต้องเตรียมพร้อมก่อนเลี้ยงลูกสุนัขตัวแรกไม่ว่าจะเป็น
- วิธีการเลี้ยงลูกสุนัขอย่างเบื้องต้น
- อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับลูกสุนัข
- สิ่งที่คุณเตรียมพร้อมเมื่อพาลูกสุนัขเข้าบ้าน
- หน้าที่ที่คุณต้องรับผิดชอบเมื่อเลี้ยงสุนัข
สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่ต้องการเลือกสุนัขมาเลี้ยงไว้ที่บ้านสักตัวหนึ่ง แต่คุณไม่รู้ว่าคุณจำเป็นต้องดูอะไรบ้าง คุณก็สามารถใช้บทความนี้เป็นไกด์นำทางในการเลือกซื้อสุนัขให้กับคุณก็ได้เหมือนกัน
โดยในช่วงท้ายของบทความหรือในข้อที่ 5 จะเป็นตัวเช็คลิสต์ว่า คุณเหมาะสมที่จะเลี้ยงสุนัขหรือไม่ เพราะการเลี้ยงสุนัขสักตัวจะทำให้คุณต้องมีภาระเพิ่มขึ้นมหาศาลเลย
ในหัวข้อที่ 5 จะเป็นคำถามยืนยันครั้งสุดท้ายว่า คุณพร้อมที่จะเลี้ยงสุนัขหรือไม่ เอาละเราเขียนบทนำกันมาเยอะแล้ว เรามาเริ่มในส่วนของตัวเนื้อหากันเลยดีกว่า
5 สิ่งที่คุณต้องเตรียมพร้อมก่อนเลี้ยงลูกสุนัขตัวแรก
1. วิธีเลือกซื้อลูกสุนัขอย่างเบื้องต้น
เลือกสุนัขสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
เป็นสิ่งแรกที่คุณควรศึกษาก่อนที่จะเลือกเลี้ยงสุนัขสักตัวนั้นก็คือ ให้คุณดูว่าสุนัขที่คุณกำลังจะเลือกเลี้ยงนั้นมีนิสัยหรือไลฟ์สไตล์เหมาะสมกับคุณไหม ตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณเป็นคนชอบสุนัขที่มีนิสัยเอาใจเจ้าของเก่ง ก็ให้คุณเลือกเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์
- ปอมเปอเรเนียน
- โกลเด้นรีทรีฟเวอร์
- ชิวาวา
- เฟรนช์ บลูด็อก
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่อยากเลี้ยงสุนัข แต่ไม่ชอบฟังเสียงสุนัขเห่าเลย ก็ให้คุณเลือกเลี้ยงสุนัขที่ไม่ค่อยเห่าอย่างเช่น
- บาเซนจิ
- อิงลิชบูลด็อก
- เจแปนนิส ชิน
- ชิบะอินุ
- คาวาเลียร์ คิง ชาร์ลส์ สแปเนียล
เลือกฟาร์มสุนัขที่มีคุณภาพ
เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าคุณจะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ไหน สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำก็คือ ให้คุณศึกษาหาข้อมูลว่ามีฟาร์มสุนัขฟาร์มไหนบ้างที่กำลังจำหน่ายสุนัขสายพันธุ์ที่คุณต้องการจะเลี้ยง
กับให้คุณดูต่อว่าฟาร์มสุนัขที่คุณจะเลือกซื้อนั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างไร มีเสียงบ่นเสียงด่าจากลูกค้าที่เคยไปซื้อสุนัขที่ฟาร์มหรือเปล่า ทางฟาร์มได้ในการหลอกลวงเอาลูกสุนัขที่มีสุขภาพไม่ดีมาขายให้กับลูกค้าหรือเปล่า
ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณสามารถหาข้อมูลได้จากในโลกอินเตอร์เน็ตเลยว่า ฟาร์มสุนัขที่คุณต้องการซื้อเป็นอย่างไร โดยคุณอาจจะลองไปสอบถามหาข้อมูลจากตามกลุ่ม facebook group ของคนที่เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ที่คุณต้องการจะเลี้ยง
หรือคุณอาจจะไปสอบถามหาข้อมูลในเว็บบอร์ดชื่อดังอย่างเช่น pantip ในห้องจตุจักรก็ได้เหมือนกัน
วิธีตรวจสอบสุขภาพของลูกสุนัขอย่างเบื้องต้น
หลังจากที่คุณเลือกสุนัขสายพันธุ์ที่คุณจะเลี้ยงได้แล้ว รวมถึงคุณหาข้อมูลจนรู้แล้วว่าคุณควรเลือกซื้อลูกสุนัขจากฟาร์มไหนดี
สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำก่อนจ่ายเงินให้กับฟาร์มสุนัขก็คือ ให้คุณลองตรวจสอบสุขภาพของลูกสุนัขที่คุณเลือกนั้นมีสุขภาพเป็นอย่างไร โดยให้คุณไล่ตรวจตามจุดต่างๆ ดังต่อไปนี้เลย
- ดวงตา ดวงตาของลูกสุนัขต้องสดใสเป็นประกาย ไม่มีขี้ตา กับปราศน้ำตาเกิดขึ้นที่บริเวณดวงตา
- จมูก ลูกสุนัขที่มีสุขภาพดีจมูกของพวกมันจะมีความเปียกชื้นเพียงเล็กน้อย ไม่มีขี้มูก หรือมีอาการจมูกแห้ง
- ช่องปาก ให้คุณลองขอให้ทางฟาร์มเปิดปากของลูกสุนัขดู ถ้าลูกสุนัขที่มีสุขภาพดีเหงือกของพวกมันจะมีสีชมพูอ่อน ไม่ขาวซีด
- ใบหูกับช่องหู ลูกสุนัขที่มีสุขภาพดีหูของพวกมันจะแห้ง สะอาด ไม่มีขี้หู รวมถึงไม่มีกลิ่นเหม็นออกมาจากช่องหุของสุนัข
- อุ้มเท้า ให้คุณลองตรวจสอบอุ้มเท้าทั้ง 4 ของลูกสุนัขดูว่า มีเห็บหมัด หรือบาดแผลเกิดขึ้นตามบริเวณซอกเท้าของลูกสุนัขไหม
- ผิวหนังและขน สำหรับลูกสุนัขที่มีสุขภาพผิวดี ขนของพวกมันจะมีความเงางาม นุ่มน่าสัมผัสอยู่เสมอ ไม่ใช่ขนไม่หยาบและแข็งกระด้าง
ลูกสุนัขได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วหรือยัง
เป็นคำถามสุดท้ายก่อนที่คุณจะจ่ายเงินซื้อลูกสุนัขก็คือ ให้คุณสอบถามกับทางฟาร์มสุนัขดูก่อนว่า ลูกสุนัขที่คุณกำลังจะซื้อนั้น ได้รับการฉีดวัคซีนกับถ่ายพยาธิครบตามที่กำหนดไว้แล้วหรือยัง
โดยให้คุณลองขอดูใบประวัติการฉีดวัคซีน กับใบประวัติการถ่ายพยาธิของลูกสุนัขตัวนั้น กับทางฟาร์มสุนัขดู ถ้าทางฟาร์มนำข้อมูลเหล่านี้มาให้คุณดูได้ คุณก็สามารถเลือกซื้อลูกสุนัขตัวนั้นมีเลี้ยงไว้ที่บ้านได้อย่างสบายใจ
แต่ถ้าทางฟาร์มไม่สามารถหาข้อมูลเหล่านั้นมาให้คุณดูได้ คุณควรพิจารณาไปเลือกซื้อลูกสุนัขจากฟาร์มอื่นจะเป็นการดีกว่า เพราะจะมีโอกาสสูงที่คุณได้ลูกสุนัขที่มีสุขภาพอ่อนแอขึ้นมาได้
2. จัดเตรียมพื้นที่ให้สุนัขพักอยู่อาศัย
หลังจากที่คุณเลือกซื้อลูกสุนัขที่คุณถูกใจมาเลี้ยงไว้ในบ้านได้แล้ว สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำก็คือ ให้คุณจัดหาพื้นที่ให้ลูกสุนัขของคุณได้พักอาศัยอยู่โดยเฉพาะ
โดยคุณอาจจะทำการกั้นคอกให้ลูกสุนัขพักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น หรือคุณอาจจะหาห้องส่วนตัวให้ลูกสุนัขได้พักอาศัยอยู่เลยก็ได้เหมือนกัน
โดยมีข้อแม้ว่าห้องหรือพื้นที่ที่คุณจะให้ลูกสุนัขพักอาศัยอยู่นั้น ต้องมีบรรยายกาศที่เงียบสงบ ปราศจากเสียงรบกวนต่างๆ ทั้งจากภายในบ้านและก็จากนอกบ้าน รวมถึงภายในห้องนั้นต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวกสะดวกตลอดทั้งวัน
ห้องหรือพื้นที่ที่มีลักษณะแบบนี้ จะช่วยให้ลูกสุนัขของคุณรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่สถานที่แบบนี้ มันจะช่วยให้ลูกสุนัขของคุณนอนหลับได้เต็มอิ่ม กับทำให้ลูกสุนัขของคุณมีสุขภาพจิตที่ดีอยู่เสมอ
3. จัดเตรียมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อลูกสุนัข
หลังจากที่คุณจัดเตรียมสถานที่ให้ลูกสุนัขของคุณได้พักอาศัยอยู่จนเสร็จแล้ว สิ่งต้องมาที่คุณต้องทำก็คือ ให้คุณไปหาซื้ออุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกสุนัขอย่างเช่น
- ชามจานให้อาหารและน้ำของสุนัข
- ที่นอนของสุนัข
- สายจูงและปลอกคอ เพื่อพาสุนัขไปเดินเล่น
- อาหารเม็ด อาหารเปียก ขนมสุนัข
- ห้องน้ำ และแผ่นรองฉี่ของสุนัข
อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายของสุนัขอย่างเช่น
- แชมพูอาบน้ำสุนัข
- ผ้าขนหนู
- ไดร์เป่าขนสุนัข
- แปรงหวีขนของสุนัข
ของเล่นสำหรับลูกสุนัข
คุณควรเลือกซื้อของเล่นมาให้ลูกสุนัขของคุณเล่นประมาณ 3 – 5 ชิ้น ของเล่นที่หลากหลายจะทำให้ลูกสุนัขของคุณไม่รู้สึกเบื่อ กับให้คุณเพิ่มของเล่นชิ้นใหม่เข้าไปในทุก 3 เดือน เพื่อป้องกันความรู้สึกซ้ำซากจำเจกับของเล่นชิ้นเดิม
วิธีเลือกของเล่นให้กับลูกสุนัข
คุณควรเลือกของเล่นที่ทำจากวัสดุทนทาน มีความแข็งแรงสูงไม่แตกง่าย และของเล่นชิ้นนั้นต้องมีขนาดใหญ่กว่าปากของลูกสุนัข
เพราะของเล่นที่มีขนาดเล็กกว่าปากของลูกสุนัข อาจจะทำให้ลูกสุนัขเผลอกลืนของเล่นชิ้นนั้น ในขณะเล่นจนเกิดการติดคอเสียชีวิตขึ้นมาได้
4. เตรียมค่าใช้จ่ายในการรักษา
ลูกสุนัขก็เหมือนกับมนุษย์ที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคต่างๆ ขึ้นมาได้ ดังนั้นคุณควรเตรียมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ประมาณ 5000 – 10000 บาท เผื่อลูกสุนัขของคุณล้มป่วยลง คุณจะได้เอาเงินส่วนนี้มาจ่ายค่ารักษาพยาบาลของลูกสุนัขได้เลย
แต่ในกรณีที่คุณไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในการรักษามากนัก คุณก็อาจใช้ตัวเลือกโดยการหาซื้อประกันสุขภาพของสุนัขดู ประกันจะมาช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของลูกสุนัขไปได้เยอะเลย
พาลูกสุนัขไปฉีดวัคซีนให้ครบตามที่กำหนดไว้
จะมีโรคร้ายแรงอยู่หลายโรคเลยที่เมื่อลูกสุนัขป่วยเป็นโรคเหล่านี้แล้ว จะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงเป็นอย่างมากอย่างเช่น
- โรคพยาธิหนอนหัวใจ
- โรคพิษสุนัขบ้า
- โรคหัดในสุนัข
- โรคไวรัสลำไส้อักเสบ
ซึ่งโรคเหล่านี้สามารถป้องกันได้อย่างง่ายๆ ด้วยการพาลูกสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคชนิดนั้นๆ โดยลูกสุนัขของคุณเริ่มสามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่ตอนที่พวกมันมีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป
สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่ไม่รู้ว่าควรฉีดวัคซีนประเภทไหนให้กับลูกสุนัขของคุณดี คุณก็สามารถโทรไปขอแนะนำจากทางโรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้านของคุณได้เลย
ซึ่งทางโรงพยาบาลสัตว์แทบทุกที่ได้จัดโปรแกรมการฉีดวัคซีนให้กับลูกสุนัขของคุณไว้แล้วว่า เมื่อลูกสุนัขของคุณมีอายุเท่านี้ควรฉีดวัคซีนชนิดไหนบ้าง
หน้าที่ของคุณก็แค่เพียงพาลูกสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนให้ครบตามที่กำหนด เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายแรงต่างๆ ของลูกสุนัขลงไปได้เยอะเลย
5. เตรียมพร้อมต่อความรับผิดชอบ
เป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณควรคิดก่อนจะตัดสินใจเลือกเลี้ยงสุนัขสักตัว ให้คุณลองถามตัวเองดูก่อนว่า คุณพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อชีวิตใครสักคนไหม
เพราะการเลี้ยงสุนัขก็เหมือนกับการเลี้ยงลูกคนหนึ่งเลย ที่คุณต้องทำสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นประจำไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
- การหาอาหารให้สุนัขทานอยู่เป็นประจำ
- การหาเวลามาเล่นกับสุนัข หรือพาสุนัขออกไปเดินเล่นนอกบ้าน
- ในเวลาที่สุนัขเจ็บป่วย คุณต้องเป็นคนพาสุนัขไปหาหมอเอง
- คุณต้องสละเวลาว่างของคุณในแต่ละวัน มามอบความรักให้กับสุนัขของคุณอยู่เป็นประจำ
- คุณต้องพาสุนัขไปอาบน้ำ ตัดขน เดือนละประมาณ 1 – 2 ครั้ง
- คุณต้องคอยเก็บฉี่ เก็บอึของสุนัขอยู่เป็นประจำ
- คุณต้องพาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันเห็บหมัด หรือใช้ยาหยอดกําจัดเห็บหมัดกับสุนัขอยู่เป็นประจำ ในทุก 4 – 6 เดือน
ให้คุณลองถามตัวเองดุว่า คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่องซ้ำกันมากกว่า 5 – 7 ปีได้หรือไม่ ถ้าคุณตอบว่า “ได้” คุณก็สามารถไปเลือกซื้อสุนัขที่คุณชอบมาเลี้ยงไว้ที่บ้านได้เลย
แต่ถ้าคุณตอบว่า “ไม่” ทางบทความแนะนำให้คุณไปเที่ยวคาเฟ่สุนัขแทนจะดีกว่า เพราะจริงๆ แล้วคุณไม่ได้อยากเลี้ยงสุนัขหรอก คุณแค่ต้องการสัมผัสความน่ารักของสุนัขเฉยๆ การเที่ยวคาเฟ่สุนัขจะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากกว่า