บทนำ
บทความนี้จะมาแนะนำ 5 โรคสุดฮิตที่สุนัขส่วนใหญ่มักจะเป็นกัน ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทย จึงทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคเหล่านี้ได้ง่ายเป็นอย่างมาก
เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคส่วนใหญ่ที่สุนัขมักจะเป็นกันนั้นมีอะไรบ้าง อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อสุนัขป่วยเป็นโรคเหล่านี้แล้ว รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้สุนัขของคุณป่วยเป็นโรคพวกนี้
สำหรับคุณผู้อ่านคนไหนที่กำลังเรื่องเหล่านี้อยู่ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
5 โรคสุดฮิตที่สุนัขส่วนใหญ่มักจะเป็นกัน
1. โรคไข้หัด
โรคไข้หัด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง โดยส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มักจะพบได้ในลูกสุนัขที่มีอายุได้ประมาณ 2 – 3 เดือน และเมื่อลูกสุนัขป่วยเป็นโรคนี้แล้ว จะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ตัวร้อนเป็นไข้
- มีอาการเบื่ออาหาร
- มีตุ่มและหนองเกิดขึ้นที่บริเวณใต้ท้องของลูกสุนัข
- ลูกสุนัขจะมีน้ำมูกไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา
ถ้าคุณพบว่าลูกสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาลูกสุนัขของคุณไปหาสัตวแพทย์โดยทันที
วิธีป้องกันโรคไข้หัดในสุนัข
คุณสามารถป้องกันโรคไข้หัดในสุนัขได้ด้วยการ พาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัด โดยวัคซีนชนิดนี้จะฉีดได้ต่อเมื่อลูกสุนัขของคุณมีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป แล้วให้คุณพาสุนัขของคุณฉีดวัคซีนชนิดนี้ซ้ำอีกทีปีละ 1 เข็ม
2. โรคปอดบวม
โรคปอดบวม มักจะเกิดกับสุนัขในช่วงหน้าฝน หรือช่วงเวลาที่มีอากาศเปลื่ยนแปลงบ่อย รวมถึงสุนัขที่มีสุขภาพที่อ่อนแอ กับสุนัขวัยชรา จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่ายเป็นอย่างมาก
ทางการแพทย์ถือว่าโรคปอดบวมในสุนัขเป็นโรคที่ร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก สุนัขของคุณอาจจะเสียชีวิตลงได้ในทันทีถ้าคุณพาสุนัขของคุณไปรักษาไม่ทันการณ์
สำหรับโรคปอดบวมในสุนัข คุณสามารถสังเกตได้จากอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- สุนัขจะมีอาการหายใจติดขัด หายใจสะดวกอยู่ตลอดเวลา
- จะมีน้ำมูกไหลออกมาจากจมูกของสุนัข โดยน้ำมูกที่ไหลออกมาจะมีสีขาว ไปจนถึงสีเขียวข้นก็ได้เหมือนกัน
- สุนัขจะมีอาการอาเจียน และมีเสลดหนาติดอยู่ในลำคอ
วิธีป้องกันโรคปอมบวมในสุนัข
คุณสามารถป้องกันโรคปอมบวมของสุนัขได้ด้วยการ ให้สุนัขของคุณพักอาศัยอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
เป็นห้องที่มีอากาศอบอุ่นเย็นสบาย ไม่ร้อน หรือไม่เย็นจัดจนเกินไป รวมถึงคุณควรหลีกเลี่ยงอย่าให้สุนัขของคุณวิ่งตากฝนติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเด็ดขาด
3. โรคลำไส้อักเสบ
โรคลำไส้อักเสบในสุนัข มักจะเกิดกับลูกสุนัขที่มีอายุได้ประมาณ 2 – 3 เดือน สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้เกิดจาก การที่สุนัขเผลอไปสัมผัสอุจจาระของสุนัขตัวอื่น ที่มีเชื้อชนิดนี้อาศัยอยู่
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ
- สุนัขจะมีอาการอาเจียนอยู่เป็นประจำ
- สุนัขจะมีอาการท้องเสีย และมีเลือดปะปนออกมาจากอุจจาระของสุนัข
- อุจจาระของสุนัขมีกลิ่นคาวที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
- สุนัขจะมีอาการซึมและเบื่ออาหาร
- น้ำหนักตัวของสุนัขจะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
- สุนัขจะมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน และนอนซมอยู่ตลอดทั้งวัน
ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบสัตวแพทย์โดยทันที
วิธีป้องกันโรคลำไส้อักเสบในสุนัข
คุณสามารถป้องกันโรคลำไส้อักเสบในสุนัขได้ด้วยการ พาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบเป็นจำนวน 2 ครั้ง
โดยเข็มแรกให้ฉีดได้ตอนที่ลูกสุนัขมีอายุได้ 2 เดือน ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดได้ตอนที่ลูกสุนัขมีอายุครบ 3 เดือน และคุณจำเป็นต้องพาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนชนิดนี้ซ้ำอีกทีปีละ 1 เข็ม
4. โรคเห็บหมัดในสุนัข
เห็บและหมัดเป็นภัยเงียบที่คนเลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้กัน คุณรู้หรือไม่ว่าเห็บและหมัดนอกจากจะดูดเลือดของสุนัขแล้ว มันยังเป็นพาหะนำพาโรคต่างๆ มาติดกับสุนัขของคุณอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น
- โรคโลหิตจาง
- โรคพยาธิเม็ดเลือด
- โรคพยาธิตัวตืด
- โรคภูมิแพ้น้ำลายหมัด
ซึ่งโรคเหล่านี้ก็สร้างความเจ็บปวด กับสร้างความทรมานให้กับร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก
วิธีป้องกันโรคเห็บหมัดในสุนัข
สำหรับวิธีป้องกันเห็บหมัดในสุนัขคุณสามารถทำได้โดยการ
- ใช้ยากำจัดเห็บหมัดแบบหยอดคอกับสุนัขของคุณในทุกๆ 3 เดือน แต่ก่อนที่คุณจะใช้ตัวยาชนิดนี้ คุณต้องโทรไปขอคำปรึกษาจากทางสัตวแพทย์ดูก่อนว่าสุนัขของคุณสามารถใช้ตัวยาชนิดนี้ได้หรือไม่ เพราะตัวยากำจัดเห็บหมัดแบบหยอดคอ จะเป็นตัวยาที่ค่อนข้างรุนแรงและมีกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก
- พาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันเห็บและหมัดในทุกๆ 4 – 6 เดือน
- หมั่นทำความสะอาดพื้นที่ในบ้านของคุณอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ที่สุนัขของคุณพักอาศัยอยู่
5. โรคพยาธิหนอนหัวใจ
โรคพยาธิหนอนหัวใจ เป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก สุนัขของคุณอาจจะเสียชีวิตลงได้ในทันที หลังจากที่ป่วยเป็นโรคนี้ได้ไม่นาน
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจเกิดจาก
ยุงเป็นพาหะนำพาโรคนี้มาติดกับสุนัขของคุณ โดยเกิดจากการที่ยุงบินไปดูดเลือดของสุนัขที่กำลังป่วยเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจอยู่
แล้วยุงตัวนั้นก็บินมาดูดเลือดสุนัขของคุณอีกทีหนึ่ง ซึ่งตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจก็จะถูกถ่ายทอดมายังสุนัขของคุณผ่านการดูดเลือด
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจ
- สุนัขมีอาการอ่อนเพลีย อ่อนแรง
- สุนัขมีอาการหายใจติดขัด และหายใจแบบหอบๆ
- สุนัขมีอาการไอแห้งติดต่อกันมากกว่า 2 – 3 วัน
- มีเลือดปะปนออกมาจากการไอแห้งของสุนัข
- สุนัขจะมีอาการบวมน้ำและเสียชีวิตลงได้
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าโรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก และยังเป็นโรคที่รักษาได้ค่อนข้างยากอีกด้วย
ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงคุณควรหาวิธีป้องกันไม่ให้สุนัขของคุณป่วยเป็นโรคนี้จะเป็นการดีกว่า
วิธีป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจในสุนัข
สำหรับวิธีป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจในสุนัข คุณสามารถป้องกันได้อย่างง่ายๆ โดยการ พาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจ
ได้ตั้งแต่ตอนที่สุนัขมีอายุ 3 เดือนขึ้นไป กับพาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนชนิดนี้ซ้ำอีกทีปีละ 1 เข็ม