โรค Hot Spot ในสุนัข

โรค Hot Spot ในสุนัข

บทนำ

โรค Hot Spot ในสุนัขคืออะไร มีอาการเป็นอย่างไร สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้เกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันและวิธีรักษาอย่างไรบ้าง

ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนกำลังสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ

โรค Hot Spot ในสุนัขคืออะไร

โรค Hot Spot หรือโรคผิวหนังเฉียบพลันเนื่องจากความอับชื้นในสุนัข เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักจะเกิดกับสุนัขสายพันธุ์ขนยาวเช่น สุนัขชิสุ กับสุนัขบอร์เดอร์คอลลี่ ยอร์ค

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วโรคผิวหนังชนิดนี้จะมักเกิดขึ้น ในช่วงฤดูร้อนที่มีสภาพอากาศที่ร้อนจัด และมีความชื้นสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน

สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรค Hot Spot

  • สุนัขแพ้อาหารบางชนิด
  • สุนัขป่วยเป็นโรคข้อต่ออักเสบ
  • ต่อมเหม็นของสุนัขเกิดการอักเสบ
  • สุนัขมีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำกว่าปกติ
  • หูของสุนัขเกิดการอักเสบ รวมถึงมีการติดเชื้อเกิดขึ้นที่หูของสุนัข
  • ขนของสุนัขพันกันจนเป็นสังกะตัง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้ขึ้นมาได้
  • สุนัขมีอาการแพ้เห็บ หมัด ไรและแมลงบางชนิด ซึ่งมันจะส่งผลทำให้สุนัขรู้สึกคันที่บริเวณผิวหนังอย่างรุนแรง จนเป็นเหตุทำให้สุนัขยกขาขึ้นมาเกาอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ผิวหนังตรงบริเวณนั้น เกิดเป็นแผลและอักเสบเป็นหนองขึ้นมาได้

อาการของโรค Hot Spot ในสุนัข

เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรค Hot Spot  จะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • สุนัขจะมีแผลอักเสบเป็นวงกลม
  • แผลของสุนัขจะเป็นแผลแฉะๆ และมีน้ำเยิ้มไหลออกมาจากบาดแผลของสุนัขอยู่ตลอดเวลา
  • สุนัขจะรู้สึกเจ็บและคันที่บริเวณบาดแผลเป็นอย่างมาก
  • สุนัขของคุณจะกัดและเกา ตรงบริเวณที่มีบาดแผลเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ
  • แผลของสุนัขจะค่อยๆ ลุมลามไปใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบสัตวแพทย์โดยทันที

วิธีการรักษาโรค Hot Spot ในสุนัข

ทางสัตวแพทย์จะทำการรักษาโรค Hot Spot ของสุนัขโดยการ

  • จับสุนัขของคุณโกนขนตรงบริเวณที่มีบาดแผลเกิดขึ้นมาออกให้หมด เพื่อให้แผลตรงบริเวณนั้นเกิดการแห้งและได้รับอากาศถ่ายเทสะดวก อีกทั้งการโกนขนยังช่วยให้ล้างแผลของสุนัขได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย
  • ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการล้างแผลของสุนัขด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาล้างแผลชนิดต่างๆ อย่างเช่น betadyne, boric acid เป็นต้น
  • หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการล้างแผลแล้ว ทางสัตวแพทย์ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ กับสเตียรอยด์ทาลงบนบาดแผลของสุนัข เพื่อลดอาการคันให้กับสุนัขของคุณ
  • หลังจากนั้นทางสัตวแพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียประเภท staph ให้กับสุนัขอีกทีหนึ่ง
  • แต่ในกรณีที่สุนัขมีอาการอย่างรุนแรงและมีบาดแผลเป็นวงกว้างมาก ทางสัตวแพทย์อาจจะจำเป็นต้องใช้การฉีดยาสเตียรอยด์ชนิด cortisone เพื่อหยุดยั้งอาการคันของสุนัข และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บาดแผลของสุนัขลุกลามไปใหญ่โต
  • เมื่อรักษาจนอาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นมาแล้ว ทางสัตวแพทย์จะแนะนำวิธีดูแลสุนัขในระหว่างที่กำลังพักฟื้นร่างกายอยู่ให้กับคุณ
  • ไม่ว่าจะเป็นวิธีการล้างแผลให้กับสุนัข การอาบน้ำให้กับสุนัขด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของ benzoyl peroxide ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียประเภทต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
  • รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการจ่ายยาฆ่าเชื้อ กับยาบรรเทาอาการต่างๆ ที่มีทั้งแบบทาและก็แบบกิน มาให้สุนัขของคุณได้กินได้ทาในระหว่างที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่
  • และก่อนที่จะให้สุนัขกลับบ้าน ทางสัตวแพทย์จะทำการใส่ปลอกคอกันเลียหรือ collars ให้กับสุนัขของคุณ เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขของคุณเกา หรือเลียบาดแผลจนเกิดการอักเสบขึ้นอีกครั้ง

สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรค Hot Spot

วิธีป้องกันโรค Hot Spot ในสุนัข

  • หมั่นหวีขนแปรงขนให้กับสุนัขของคุณอยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนของสุนัขพันกันจนเป็นสังกะตัง
  • ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ aloe, oatmeal, jojoba และ eucalyptus อาบน้ำให้กับสุนัขของคุณอยู่เป็นประจำ หรือประมาณ 1 ครั้งต่อเดือน
  • ป้องกันอย่าให้สุนัขของคุณมีเห็บและหมัด โดยคุณอาจจะพาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันเห็บและหมัดกับทางสัตวแพทย์
  • หรือคุณอาจจะใช้ยาหยดหลังกำจัดเห็บหมัด กับสุนัขของคุณในทุก 3 เดือนก็ได้เหมือนกัน เพียงเท่านี้เรื่องเห็บและหมัดของสุนัขก็จะไม่ใช้ปัญหาของคุณอีกต่อไป
  • หมั่นทำความสะอาดพื้นที่ในบ้านของคุณอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ที่สุนัขพักอาศัยอยู่เป็นประจำ วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันเห็บหมัดของสุนัขได้อีกหนึ่งวิธี

สรุป

โรค Hot Spot ในสุนัขเป็นโรคเรื้อรังที่มีผลต่อสุขภาพของสุนัข และบาดแผลของโรคนี้ยังลุกลามได้ง่ายกว่าโรคอื่นๆ อีกด้วย ถ้าคุณปล่อยไว้ไม่ยอมพาสุนัขไปรักษา บาดแผลก็จะค่อยๆ ขยายตัวขึ้นเป็นวงกลมกว้างอย่างรวดเร็ว

ซึ่งมันจะส่งผลทำให้สุนัขของคุณรู้สึกคันและเจ็บปวดที่บริเวณบาดแผลเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการต่างๆ ที่ทางบทความได้กล่าวไปในข้างต้น ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบสัตวแพทย์โดยทันที