บทนำ
บทความนี้จะมาแนะนำถึง 5 โรคสุดฮิตที่สุนัขมักจะเป็นกันในช่วงหน้าร้อน ว่ามีโรคอะไรกันบ้าง
เผื่อคุณผู้อ่านคนไหนที่กำลังเลี้ยงสุนัขอยู่ คุณจะได้ระมัดระวังไม่ให้โรคเหล่านี้เกิดขึ้นกับสุนัขของคุณ
ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนอยากรู้ว่ามีโรคอะไรบ้างนั้น ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
5 โรคสุดฮิตที่สุนัขมักจะเป็นกันในช่วงหน้าร้อน
1.โรคลมแดด (Heat stroke)
โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก เป็นโรคสุดฮิตที่สุนัขมักจะป่วยเป็นกันในช่วงหน้าร้อน ทางการแพทย์ถือว่าโรคนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก สุนัขอาจจะเสียชีวิตลงได้ในทันทีหลังจากที่ป่วยเป็นโรคนี้ได้ไม่นาน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้นั้นเกิดจาก ร่างกายของสุนัขไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน ซึ่งมันจะเกิดจากการที่สุนัขต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อย่างเช่น
- สุนัขนั่งตากแดดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
- ถูกจับขังไว้ในรถยนต์กลางแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานนาน
- ออกกำลังกายอย่างหักโหมติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะทำให้สุนัขเกิดป่วยเป็นโรคฮีทสโตรกขึ้นมาได้ เพราะร่างกายของสุนัขไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน
ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ในช่วงหน้าร้อนคุณควรให้สุนัขของคุณได้พักในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีลมโกรกไปมาตลอดทั้งวัน หรือคุณอาจจะลงทุนเปิดแอร์ให้สุนัขเลยก็ได้เหมือนกัน
รวมถึงให้คุณหลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขของคุณต้องไปอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด หรือในที่ที่มีแสงแดดร้อนจัดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคลมแดดของสุนัขลงได้
2. ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ
ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด จึงทำให้อาหารเน่าบูดและเสียได้ง่ายเป็นอย่างมาก และเมื่อสุนัขของคุณทานอาหารที่เน่าบูดเข้าไปแล้ว มันจะทำให้สุนัขของคุณมีอาการท้องเสีย หรือท้องร่วงขึ้นมาได้
ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนคุณควรให้สุนัขของคุณทานแต่อาหารที่สุดใหม่ หรืออาหารที่พึ่งผ่านการปรุงสุกมาใหม่ๆ ทุกมื้อ หลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขของคุณต้องทานอาหารค้างคืน หรืออาหารที่ทิ้งไว้โดยเด็ดขาด
3. ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด จะทำให้ร่างกายของสุนัขต้องใช้น้ำในการระบายความร้อนมากกว่าปกติ ในช่วงนี้ถ้าสุนัขของคุณไม่ได้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ก็อาจจะทำให้สุนัขของคุณเกิดป่วยเป็นภาวะขาดน้ำขึ้นมาได้
คุณสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขของคุณมีภาวะขาดน้ำหรือไม่โดยดูจากอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ให้คุณดูว่าจมูก หรือเหงือกของสุนัขมีสีที่ซีดลงหรือเปล่า
- สุนัขของคุณมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเปล่า
- ผิวหนังของสุนัขขาดความยืดหยุ่นหรือเปล่า โดยให้คุณทดสอบด้วยการ ลองดึงผิวหนังของสุนัขขึ้นมา แล้วลองปล่อยมือดู
- ถ้าเป็นผิวหนังแบบปกติ ผิวหนังของสุนัขจะหดตัวกลับเข้าที่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าสุนัขมีภาวะขาดน้ำ ผิวหนังของสุนัขจะหดตัวกลับเข้าไปได้ช้ามาก
ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบกับทางสัตวแพทย์โดยทันที
4. ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือภูมิแพ้ละอองอากาศ
ถ้าสุนัขของคุณเป็นสุนัขที่สุขภาพผิวไม่ดีแพ้อะไรได้ง่ายมากอย่างเช่น
- แพ้ละอองเกสร
- แพ้ไรฝุ่น
- แพ้ขนสัตว์
- แพ้ซากแมลงบางชนิด
- แพ้สเปรย์น้ำหอมต่างๆ ที่มนุษย์ชอบใช้
ซึ่งในช่วงหน้าร้อนที่มีอาการร้อนจัดติดต่อกันตลอดทั้งวัน มันจะยิ่งเร่งให้สุนัขของคุณแพ้สิ่งเหล่านี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
โดยคุณสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขของคุณมีอาการแพ้อยู่หรือเปล่า โดยให้คุณดูว่าสุนัขของคุณมีอาการคันตามฝ่าเท้า อุ้งเท้า ใต้คาง หน้าใบหน้า หรือตามหน้าท้องอยู่หรือเปล่า
รวมถึงให้คุณดูต่อไปว่า ผิวหนังของสุนัขเป็นผื่นหรือรอยแดงๆ เกิดขึ้นตามตัวหรือไม่ ถ้ามีนั้นแสดงว่าสุนัขของคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังอยู่ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณไปตรวจหาสาเหตุกับทางสัตวแพทย์โดยทันที
5. ภาวะผิวหนังไวต่อแสงแดด
ภาวะผิวหนังไวต่อแสงแดด (Photosensitization) เป็นสภาวะที่ผิวหนังของสุนัขมีปฏิกิริยาต่อรังสีอัลตร้าไวโอเลตมากกว่าปกติ
ภาวะดังกล่าวเป็นภาวะที่เกิดจากผลข้างเคียงของตัวยา หรือสารเคมีบางชนิดที่สุนัขได้ใช้หรือรับประทานเข้าไปในร่างกาย ซึ่งมันจะส่งผลทำให้สุนัขเกิดอาการผิวไหม้แดด (sunburn) ขึ้นมาได้
คุณสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขของคุณมีอาการผิวหนังไวต่อแสงแดดหรือเปล่า โดยให้คุณดูว่าเมื่อสุนัขของคุณได้สัมผัสกับแสงแดดแล้วผิวหนังของสุนัขเปลื่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วหรือไม่
รวมถึงผิวหนังของสุนัขเกิดการอักเสบ และมีอาการบวมโตเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้ามีนั้นแสดงว่าสุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นภาวะผิวหนังไวต่อแสงแดดอยู่ คุณควรพาสุนัขของคุณไปรักษากับทางสัตวแพทย์