บทนำ
อาการเดินเซของสุนัขจะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันได้แก่
แบบที่ 1 sensory (proprioceptive)
เป็นอาการเดินเซที่เกิดจากไขสันหลังของสุนัข ถูกกดทับอย่างช้าๆ อาการดังกล่าวจะทำให้สุนัขวางเท้าผิดไปจากปกติ รวมถึงจะทำให้ขาของสุนัขค่อยๆ อ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ
แบบที่ 2 vestibular
อาการเดินเซรูปแบบนี้จะเกิดจาก เส้นประสาทการทรงตัวหูชั้นในไปสู่สมองของสุนัขถูกทำลายลง ซึ่งมันจะส่งผลทำให้การวางตำแหน่งศีรษะ
และลำคอของสุนัขมีการเปลื่ยนแปลงไปจากปกติ จนทำให้สุนัขมีอาการเดินตัวเอียง หกล้ม หรือกลิ้งตัวเดิน
แบบที่ 3 cerebellar
รูปแบบนี้จะเกิดจากการที่การเคลื่อนไหวของศีรษะ ลำคอ และขาของสุนัขทำงานไม่ประสานกัน จนส่งผลทำให้สุนัขเดินก้าวขากว้างความปกติ รวมถึงสุนัขยังมีอาการสั่นที่บริเวณศีรษะและลำตัวร่วมด้วย
เมื่อสุนัขมีอาการเดินเซจะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
นอกจากอาการต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว สุนัขยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างเช่น
- สุนัขจะมีอาการขาอ่อนแรง
- อาการขาอ่อนแรงอาจจะเกิดขึ้นกับขาข้างใดข้างหนึ่งของสุนัข หรือบางทีอาจจะเกิดกับขาทั้งสี่ข้างของสุนัขเลยก็ได้เหมือนกัน
- ศีรษะของสุนัขจะเอียงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
- สุนัขจะมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน
- สุนัขจะมีอาการเดินหกล้มอยู่บ่อยๆ
- สุนัขจะมีอาการเซื่องซึม รวมถึงมีอาการง่วงนอนร่วมด้วย
- สุนัขจะมีอาการเบื่ออาหาร และคลื่นไส้อยู่เป็นประจำ
- สุนัขจะมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่เป็นประจำ
สาเหตุที่ทำให้สุนัขมีอาการเดินเซ
- สุนัขป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
- ร่างกายของสุนัขเสื่อมถอยลง
- สุนัขติดเชื้อไวรัสบางประเภท
- สุนัขป่วยเป็นโรคมะเร็ง
- มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบภูมิคุ้มกันของสุนัข
- สุนัขได้รับสารพิษบางประเภท
- หูชั้นในของสุนัขเกิดการติดเชื้อ
- ไขสันหลังของสุนัขเกิเการเสื่อมถอยลง
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะทำการสอบถามถึงอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสุนัขว่าอาการอะไรบ้างแล้ว สุนัขมีอาการเหล่านั้นมานานแล้วหรือยัง
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะของสุนัข เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของสุนัขบ้าง
- ต่อจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ (CT) ควบคู่กับการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ไปที่กระดูกสันหลัง กับกล้ามเนื้อของสุนัข เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ระบบปลายประสาท ไขสันหลัง และสมองของสุนัขยังทำงานเป็นปกติดีอยู่หรือไม่
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ (X-Ray) ไปที่ช่องท้อง ตับและไตของสุนัข เพื่อดูว่ามีเนื้องอกเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
ทางสัตวแพทย์จะรักษาไปตามอาการต่างๆ รวมถึงสาเหตุที่ตรวจพบเจออย่างเช่น
- ถ้าพบว่าสุนัขได้รับสารพิษบางประเภท ก็จะทำการล้างสารพิษ ให้ออกไปจากร่างกายของสุนัข
- ถ้าตรวจพบว่าหูชั้นในของสุนัขเกิดการติดเชื้อ ก็จะทำการรักษาหูของสุนัข ด้วยยากำจัดเชื้อชนิดต่างๆ ตามที่ตรวจพบเจอ
- เมื่อรักษาจนอาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นมาแล้ว ทางสัตวแพทย์จะแนะนำวิธีดูแลสุนัขในระหว่างที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่ให้กับคุณ
- ถ้าตรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้สุนัขมีอาการเดินเซ เกิดจากไขสันหลังของสุนัข เมื่อรักษาเสร็จขาของสุนัขจะอ่อนแรงเป็นอย่างมาก ทางสัตวแพทย์จะไม่แนะนำให้คุณออกกำลังกายให้กับสุนัขในช่วงนี้ เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อขาของสุนัขในระยะยาวได้
- ในช่วงที่สุนัขกำลังพักฟื้นตัวอยู่ ให้คุณคอยเฝ้าสังเกตอาการต่างๆ ของสุนัขอย่างใกล้ชิด ถ้าคุณพบว่าอาการต่างๆ ของสุนัขยังไม่ดีขึ้นเลย ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณ กลับเข้าพบสัตวแพทย์โดยทันที