บทนำ
มะเร็งผิวหนังชนิด Hemangiosarcoma ในสุนัข เป็นเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นภายในผิวหนังของสุนัข โดยสาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้เกิดจาก เซลล์เยื่อบุที่หลอดเลือดดำ หลอดเลือดแดง
รวมถึงหลอดเลือดภายในลำไส้ของสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้นมา จนเป็นเหตุทำให้เกิดก้อนเนื้อร้ายขึ้นมาในบริเวณเหล่านี้ได้
ทางการแพทย์ถือว่าโรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก สุนัขจะมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคนี้ได้สูงเป็นอย่างมาก
โดยส่วนใหญ่แล้วโรคมะเร็งผิวหนังชนิด Hemangiosarcoma มักจะพบได้ในสุนัขสายพันธุ์
- บ็อกเซอร์
- พิทบูล
- โกลเดินริทรีฟเวอร์
- สุนัขวัยชรา (มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป)
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขป่วยเป็นเซลล์มะเร็งชนิด Hemangiosarcoma
- จะมีก้อนเนื้อเกิดขึ้นที่บริเวณขาหลัง กับช่องท้องของสุนัข
- จะมีเนื้อตัวเล็กๆ เกิดขึ้นตามผิวหนังของสุนัข
- จะมีรอยฟกช้ำเกิดขึ้นตรงบริเวณที่มีก้อนเนื้อเกิดขึ้น
- จะพบตุ่มแข็งๆ นูนๆ ตามผิวหนังของสุนัข
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้
- เป็นโรคทางพันธุกรรมของสุนัข
- โรคนี้มักจะเกิดกับสุนัขที่ชอบตากแดดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
- เป็นโรคประจำตัวของสุนัขสายพันธุ์ บ็อกเซอร์ ,พิทบูล ,โกลเดินริทรีฟเวอร์
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามกับคุณว่า สุนัขมีอาการอะไรบ้าง สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง โดยปกติแล้วคุณเลี้ยงดูสุนัขของคุณอย่างไรบ้าง ชอบให้สุนัขทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะของสุนัข เพื่อดูว่าภายในร่างกายของสุนัขมีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ (X-Ray) ไปที่ช่องอกกับช่องท้องของสุนัข เพื่อดูว่ามีเนื้องอกเกิดขึ้นหรือเปล่า
- ในกรณีที่ตรวจพบว่าสุนัขมีเนื้องอกเกิดขึ้น ก็จะตรวจดูต่อว่าเนื้องอกได้แพร่กระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ในร่างกายของสุนัขแล้วหรือยัง
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างบางส่วนจากผิวหนัง รวมถึงเนื้องอกของสุนัข เพื่อนำไปตรวจสอบดูว่าตกลงแล้วสุนัขกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งชนิดไหนอยู่กันแน่น
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- โดยส่วนใหญ่แล้วการรักษาโรคนี้ในสุนัข จะทำการรักษาโดยการผ่าตัดเอาเนื้องอกที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของสุนัขออกมา ควบคู่กับการทำเคมีบำบัด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- แต่ในทางกลับกันถ้าเนื้องอกมีขนาดที่ใหญ่จนเกินไป รวมถึงเนื้องอกได้แพร่กระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ในชั้นผิวของสุนัขแล้ว
- ถ้าเป็นแบบนี้ทางสัตวแพทย์จะไม่สามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกออกมาได้ ทางสัตวแพทย์จะเปลื่ยนวิธีไปใช้ การเคมีบำบัด กับการฉายแสงแทน
- เมื่อรักษาจนอาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นมาแล้ว ทางสัตวแพทย์จะแนะนำวิธีดูแลสุนัขในระหว่างที่กำลังพักฟื้นร่างกายอยู่
- ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหารการกิน ว่าควรทานอะไร ไม่ควรทานอะไรบ้าง การจัดพื้นที่ให้สุนัขได้รับการพักผ่อน รวมถึงการให้ทานยาตามที่ทางสัตวแพทย์ให้มา
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
โรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าการรักษาจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วสุนัขจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 – 2 ปี ดังนั้นขอให้ทางเจ้าของสุนัขทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ