บทนำ
โดยปกติแล้วเซลล์ Mast cell จะอาศัยอยู่ตามเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัข ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ปาก จมูก ผิวหนัง รวมถึงปอด ของสุนัข
โดยหลักๆ แล้วเซลล์ Mast cell จะมีหน้าที่คอยป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้าทำร้ายร่างกายของสุนัข รวมถึงยังช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และคอยสร้างเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ให้กับร่างกายของสุนัขอีกด้วย
ทางการแพทย์ได้แบ่งเนื้องอก Mast cell ออกเป็น 3 ระยะตามอันดับการแพร่กระจายตัวของเนื้องอก โดยในระยะที่ 3 ผิวหนังของสุนัขจะเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง จนคุณสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นเนื้องอก Mast cell
ในปัจจุบันทางการแพทย์ไม่สามารถระบุได้ว่า สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้นั้น เกิดจากสาเหตุใดกันแน่น
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มักจะเกิดกับสุนัขสายพันธุ์
- บ็อกเซอร์ (Boxer)
- บูลด็อก (Bulldog)
- ปั๊ก (pug)
มากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ ด้วยกัน
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขป่วยเป็นเนื้องอก Mast cell
- จะมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามร่างกายของสุนัข
- จะมีเนื้องอกเกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัขไม่ว่าจะเป็น ตามตัว ตามศีรษะและลำคอ ตามอวัยวะเพศ รวมถึงตามขาและอุ้งเท้าของสุนัข
- สุนัขจะรู้สึกคันตรงบริเวณที่มีเนื้องอกเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
- สุนัขจะมีอาการอาเจียน เบื่ออาหาร และท้องเสียร่วมด้วย
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามกับคุณว่า สุนัขมีอาการอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจบนตัวของสุนัขว่า มีเนื้องอกเกิดขึ้นตรงส่วนไหนของร่างกายสุนัขบ้าง
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการตัดเนื้องอกบางส่วนออกมา เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกทีนึง เพื่อดูว่าตกลงแล้วเนื้องอกชิ้นนั้น เป็นเซลล์มะเร็งชนิดไหนกันแน่น
- เมื่อทางสัตวแพทย์ทราบอย่างแน่นชัดแล้วว่า สุนัขป่วยเป็นเนื้องอก Mast cell ทางสัตวแพทย์ก็จะทำการตรวจเลือดของสุนัข เพื่อดูจำนวน Mast cell ในเลือดของสุนัข รวมถึงจะดูว่าเซลล์เนื้องอก Mast cell ได้แพร่กระจายตัวไปในระดับไหนแล้ว
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ (X-Ray) และอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) ไปที่ต่อมน้ำเหลือง ไขกระดูก ม้ามและไตของสุนัข เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับอวัยวะเหล่านี้หรือเปล่า หรือมีเนื้องอกเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนเหล่านี้หรือเปล่า
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- โดยหลักๆ แล้วการรักษาโรคนี้ในสุนัขทางสัตวแพทย์จะใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูก่อนว่า ลักษณะเซลล์ของเนื้องอกและเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณโดยรอบเป็นอย่างไร แล้วจะค่อยๆ ทำการตัดเนื้องอกก้อนนั้นออกมา
- ในกรณีที่ตรวจพบว่าเนื้องอกได้มีการแพร่กระจายตัวไปยังต่อมน้ำเหลืองของสุนัขแล้ว ทางสัตวแพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองของสุนัขออกมา
- หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการผ่าตัดไปแล้ว ทางสัตวแพทย์จะนัดให้คุณพาสุนัขเข้ารับกาเคมีบำบัดอยู่เป็นประจำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เนื้องอกแพร่กระจายตัวไปมากกว่านี้
- ถ้าตรวจพบว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายของสุนัขอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก สัตวแพทย์จะให้อาหารเสริมภูมิคุ้มกันมาให้สุนัข ได้ทานในระหว่างช่วงพักฟื้นตัว
- ในกรณีที่ตรวจพบว่าเนื้องอกได้แพร่กระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัข จนทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ ทางสัตวแพทย์จะเปลื่ยนไปใช้วิธีการทำคีโม เคมีบำบัดและฉายแสงแทน
- โดยปกติแล้วหลังจากที่ได้รับการผ่าตัด กลับการทำเคมีบำบัดอย่างต่อเนื่อง อาการต่างๆ ของสุนัขก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 – 4 เดือน