บทนำ
การจัดฟันในสุนัขเป็นที่นิยมตั้งแต่ยุคสมัยปี 1980 ที่ผ่านมาแล้ว โดยทางสัตวแพทย์ส่วนใหญ่ในยุคนั้นมักจะนิยมรักษาอาการปวดฟันหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับฟันของสุนัข ด้วยการจัดฟันให้กับสุนัข
การจัดฟันของสุนัขไม่ได้ทำขึ้น เพื่อให้ฟันของสุนัขดูสวยงามเหมือนกับของมนุษย์ แต่ทำขึ้นเพื่อให้สุนัขสามารถใช้ฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หลังจากที่สุนัขจัดฟันเสร็จแล้ว มันจะทำให้สุนัขจะสามารถกัด หรือเคี้ยวอาหารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการจัดฟันของสุนัขเริ่มจาก สุนัขต้องได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก และฟันกับทางสัตวแพทย์ก่อน เพื่อดูว่าฟันของสุนัขนั้นมีความแข็งแรงพอที่จะจัดฟันได้แล้วหรือยัง
และหลังจากที่สุนัขทำการจัดฟันเสร็จ คุณต้องคอยหมั่นแปรงฟัน หรือทำความสะอาดสุขภาพในช่องปากของสุนัขอยู่ประจำ ในช่วงที่สุนัขกำลังจัดฟันอยู่
ทำไมสุนัขถึงต้องจัดฟัน
การจัดฟันให้กับสุนัขนั้น เป็นการช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับฟันของสุนัขได้อย่างเช่น
อาการ linguoversion ซึ่งเป็นอาการที่ฟันของสุนัขค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหลัง จนทำให้ฟันของสุนัขอยู่ใกล้ติดกับลิ้น ซึ่งมันจะส่งผลทำให้ฟันของสุนัขเสียดสีกับเพดานปากของสุนัขได้
อาการเหล่านี้จะทำให้สุนัขรู้สึกไม่สบายตรงบริเวณช่องปากเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้เพดานปากของสุนัขเกิดการเป็นแผล หรือเป็นรูขึ้นมาได้
และเมื่อเพดานปากของสุนัขเป็นรูแล้ว สิ่งที่จะตามมาต่อไปก็คือ โพรงจมูกของสุนัขอาจจะเกิดการติดเชื้อขึ้นมาได้
และนอกจากนี้การจัดฟันของสุนัขยังสามารถช่วยป้องกันอาการต่างๆ อย่างเช่น อาการขากรรไกรล่างสั้นกว่าขากรรไกรบน ,อาการฟันแท้ขึ้นมากดทับฟันน้ำนมที่ยังไม่หลุดออกมาได้อีกด้วย
สุนัขของคุณจำเป็นต้องจัดฟันหรือไม่
จริงๆ แล้วถ้าคุณหมั่นแปรงฟันให้กับสุนัขของคุณอยู่เป็นประจำ คุณก็แทบไม่มีความจำเป็นต้องจัดฟันให้กับสุนัขของคุณเลย
แต่ในทางกลับกันถ้าสุนัขของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเรียงตัวฟันผิดที่ ,ฟันแท้ของสุนัขขึ้นมาซ้อนฟันน้ำนม การจัดฟันให้กับสุนัขก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งเลย
รูปแบบการจัดฟันในสุนัข
การจัดฟันของสุนัขมีให้คุณเลือกได้หลายรูปแบบ ตามความเหมาะสมกับช่องปากของสุนัข โดยจะมีให้คุณเลือกอยู่ด้วยกัน 3 แบบได้แก่
แบบที่ 1 การใช้ลูกบอลยัดเข้าไปในปากของสุนัข
เป็นการช่วยเพิ่มแรงดันเข้าไปช่วยให้ฟันของสุนัขเคลื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามที่รูปแบบฟันควรจะเป็น
วิธีนี้จะมีราคาถูกและปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่ข้อเสียของวิธีนี้ก็คือ สุนัขของคุณจะรู้สึกทรมานในตอนจัดฟันเป็นอย่างมาก
แบบที่ 2 เป็นการถอนฟันหรือแก้ไขฟันของสุนัขในซี่ที่มีปัญหาอยู่
วิธีนี้จะค่อนข้างมีราคาถูกกว่าการจัดฟันแบบเต็มๆ เป็นอย่างมาก แต่วิธีนี้จะมีข้อเสียอยู่ค่อนข้างเยอะเลยได้แก่ สุนัขของคุณจะรู้สึกเจ็บปวดในระหว่างทำการจัดฟันเป็นอย่างมาก
รวมถึงถ้าทางสัตวแพทย์ไม่ชำนาญในเรื่องของการผ่าตัดรักษาฟันสุนัข ก็อาจจะทำให้ช่องปากของสุนัขเกิดการติดเชื้อขึ้นมาได้
แบบที่ 3 การจัดฟันสุนัขแบบเต็มรูปแบบ
การจัดฟันแบบนี้เป็นการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากที่สุด แต่วิธีนี้ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นอย่างมาก โดยการจัดฟันสุนัขแบบเต็มรูปแบบจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 30000 – 40000 บาท
โดยก่อนที่จะทำการจัดฟันเต็มรูปแบบนั้น ทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพกาย กับช่องปากของสุนัขอย่างละเอียด เพื่อดูว่าร่างกายของสุนัขมีความแข็งแรงต่อการดมยาสลบไหม
รวมถึงทางสัตวแพทย์จะดูว่าฟันของสุนัขมีความแข็งแรงพร้อมที่จะจัดฟันหรือไม่ โดยการใช้วิธีเอกซเรย์เพื่อดูโครงสร้างฟันของสุนัข
และเมื่อตรวจสุขภาพของสุนัขเสร็จแล้ว ต่อมาทางสัตวแพทย์ก็จะทำความสะอาดฟันของสุนัขให้สะอาด เสร็จแล้วก็จะทำการสร้างรูปแบบฟันของสุนัขขึ้นมา
ซึ่งรูปแบบฟันอันนี้จะสามารถช่วยให้ฟันของสุนัขกลับเข้าที่ในรูปแบบที่มันควรจะเป็น สำหรับขั้นตอนการจัดฟันของสุนัขจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 30 – 90 นาที
วิธีดูแลสุนัขในระหว่างที่ทำการจัดฟันอยู่
หลังจากที่ทางสัตวแพทย์ได้ทำการจัดฟันให้กับสุนัขเสร็จแล้ว ทางสัตวแพทย์ก็จะแนะนำถึงวิธีดูแลสุขภาพช่องปากของสุนัข โดยหลักๆ ก็จะมี
- ให้คุณคอยหมั่นแปรงฟันให้กับสุนัขของคุณอยู่เป็นประจำ
- รวมถึงจะสอนวิธีล้างปากของสุนัข ด้วยน้ำยากลั้วปาก
- รวมถึงจะจัดเมนูอาหารให้กับสุนัข โดยเมนูดังกล่าวจะเป็นอาหารอ่อน ที่ไม่ต้องใช้แรงเคี้ยวมากนัก
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะบอกข้อห้ามต่างๆ อย่างเช่น สุนัขเคี้ยวของเล่น หรือกัดกระดูกเล่น ในระหว่างจัดฟันเป็นอันขาด
- หลังจากที่สุนัขจัดฟันเสร็จ สุนัขก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใส่รีเทนเนอร์อีกต่อไปแล้ว เพราะโครงสร้างปากของสุนัขจะมีความพิเศษมากกว่าของมนุษย์ตรงที่ ปากของสุนัขจะมีโครงสร้างเหมือนกับรีเทนเนอร์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว