บทนำ
วิธีควบคุมน้ำหนักตัวของสุนัขที่ดีที่สุดคือ การควบคุมอาหาร พร้อมกับการให้สุนัขได้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพียงเท่านี้สุนัขของคุณก็จะมีรูปร่างที่ดูสมส่วน พร้อมทั้งมีสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว
แต่ก็จะมีบางสาเหตุเหมือนกัน ที่อยู่ดีๆ น้ำหนักตัวของสุนัขก็เพิ่มขึ้นโดยที่คุณไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน
โดยบทความนี้จะมาบอกว่านอกจากสาเหตุที่สุนัขทานอาหารมากเกินไปจนทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้น้ำหนักตัวของสุนัขเพิ่มขึ้นได้อีกบ้าง
ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนกำลังสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
7 สาเหตุที่ทำให้สุนัขมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น
1. สุนัขกำลังตั้งท้องอยู่
เป็นเรื่องปกติทั่วไปเมื่อสุนัขตัวเมียตั้งท้อง น้ำหนักตัวของสุนัขก็จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คุณสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขของคุณตั้งครรภ์หรือไม่
โดยให้คุณดูว่าท้องของสุนัขตัวเมียมีการขยายตัวใหญ่โต หรืออยู่ดีๆ พุงของสุนัขตัวเมียค่อยๆ ขยายตัวใหญ่ขึ้น
ถ้าคุณพบว่าอยู่ดีๆ ท้องของสุนัขตัวเมียเกิดการขยายตัวใหญ่โต คุณควรพาสุนัขของคุณไปตรวจสุขภาพกับทางสัตวแพทย์ดู ไม่แน่สุนัขของคุณอาจจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็เป็นได้
2. มีของเหลวสะสมอยู่ในช่องท้อง
มีของเหลวสะสมอยู่ในช่องท้อง หรืออาการท้องมาน (ascites) ในสุนัข เป็นอาการที่มีของเหลวเข้าไปสะสมอยู่ในช่องท้องของสุนัขเป็นจำนวนมาก จนทำให้ช่องท้องของสุนัขเกิดการขยายใหญ่ขึ้นมา
สาเหตุที่ทำให้สุนัขมีอาการแบบนี้มักจะเกิดจาก
- หลอดเลือดของสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้น
- โรคช่องท้องอักเสบติดต่อ (feline infectious peritonitis; FIP)
ดังนั้นถ้าสุนัขของคุณมีอาการท้องโตโดยที่คุณไม่ทราบสาเหตุ คุณควรพาสุนัขของคุณไปตรวจร่างกายกับทางสัตวแพทย์จะเป็นการดีกว่า
3. ตัวข้างเคียงจากตัวยาบางชนิด
ตัวยาบางชนิดก็ทำให้สุนัขมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มักจะเกิดจากการที่สุนัขจำเป็นต้องทานยาบางชนิดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน
โดยทางสัตวแพทย์จะแจ้งให้คุณทราบก่อนว่า ตัวยาบางชนิดอาจจะมีผลต่อน้ำหนักตัวของสุนัขเมื่อสุนัขทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
แต่คุณไม่ต้องกังวลมากนักเพราะ ทางสัตวแพทย์จะแนะนำให้กับคุณเองว่าต้องทำอย่างไร สุนัขถึงจะมีน้ำหนักตัวอยู่ในระดับคงที่ ถ้าต้องทานยาชนิดนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
4. สุนัขป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับพยาธิบางชนิด
จะมีพยาธิบางชนิดที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อช่องท้องและลำไส้ของสุนัข ซึ่งเมื่อพยาธิเหล่านี้เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างกายของสุนัขมากๆ เข้า
ก็จะทำให้สุนัขมีอาการท้องขยายตัวใหญ่จากการมีของเหลวเข้าไปสะสมอยู่ในช่องท้องเป็นจำนวนมาก
โดยส่วนใหญ่แล้วโรคพยาธิมักจะเกิดกับสุนัขที่มีสุขภาพที่อ่อนแอ รวมถึงสุนัขที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงดีพออย่างเช่น ลูกสุนัข กับสุนัขวัยชรา เป็นต้น
สำหรับวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้คุณสามารถทำได้โดยการ พาสุนัขของคุณไปตรวจหาพยาธิกับทางสัตวแพทย์
เมื่อพบว่าสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคพยาธิชนิดไหน ทางสัตวแพทย์ก็จะให้ยาถ่ายพยาธิชนิดนั้นๆ มาให้สุนัขของคุณทาน เพื่อขับถ่ายพยาธิชนิดนั้น ออกมาจากร่างกายของสุนัข
5. สุนัขป่วยเป็นโรคไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism)
โดยปกติแล้วต่อมไทรอยด์ของสุนัขจะมีหน้าที่คอยควบคุมระบบเผาพลาญในร่างกายของสุนัขให้อยู่ในระดับคงที่อยู่เสมอ
แต่เมื่อต่อมไทรอยด์ของสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้น มันจะส่งผลทำให้ระบบเผาผลาญของสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้นมา ซึ่งมันจะทำให้น้ำหนักตัวของสุนัขค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ
และถึงแม้ว่าคุณจะจับสุนัขของคุณออกกำลังกาย รวมถึงจะควบคุมอาหารเพียงใดก็ตาม น้ำหนักตัวของสุนัขก็จะยังเพิ่มขึ้นอยู่ดี เพราะระบบเผาผลาญของสุนัขมีความผิดปกติไปแล้ว
สำหรับวิธีรักษานั้นคุณสามารถทำได้โดย การพาสุนัของคุณเข้ารับการตรวจสุขภาพ เพื่อดูว่าสาเหตุที่ทำให้สุนัขของคุณมีอาการน้ำหนักตัวเพิ่มนั้นเกิดจากสาเหตุใด
แต่เมื่อทางสัตวแพทย์ทราบแล้วว่า สุนัขของคุณป่วยเป็นโรคไฮโปไทรอยด์ ก็จะทำการรักษาในขั้นตอนต่อๆ ไป
6. สุนัขป่วยเป็นโรคคุชชิ่ง (Cushing disease)
โรคคุชชิ่ง นั้นเป็นโรคที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการควบคุมโปรตีน คาร์โบไฮเดรต รวมถึงระบบเผาผลาญในร่างกายของสุนัข ให้มีความผิดปกติเกิดขึ้น
ซึ่งมันจะส่งผลทำให้สุนัขมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ โดยส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มักจะเกิดกับสุนัขวัยชรา หรือสุนัขที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้โรคคุชชิ่งยังทำให้สุนัขมีอาการ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีขนหลุดร่วงตามตัว
- กระหายน้ำอย่างรุนแรง
- มีความอยากอาหารมากขึ้นกว่าปกติ
- ช่องท้องค่อยๆ ขยายตัวใหญ่ขึ้นกว่าปกติ
ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบกับทางสัตวแพทย์โดยทันที
7. อาการท้องอืดในสุนัข
โดยส่วนใหญ่แล้วอาการท้องอืดในสุนัข มักจะเกิดกับสุนัขที่มีนิสัยชอบทานอาหารอย่างรวดเร็ว หรือที่ภาษาชาวบ้านมักจะเรียกว่า การกินแบบตะกละ (wolfing down)
โดยคุณสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขของคุณมีนิสัยชอบกินอาหารแบบตะกละหรือ โดยดูว่าในเวลาที่สุนัขของคุณกำลังกินอาหารอยู่นั้น
สุนัขของคุณมีนิสัยชอบกลืนอาหารโดยไม่เคี้ยวเลยหรือเปล่า ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีนิสัยชอบกลืนอาหารโดยไม่เคี้ยวเลย ให้คุณรีบปรับนิสัยการกินอาหารของสุนัขโดยทันที
เพราะการทานอาหารโดยไม่เคี้ยวนั้น มันจะทำให้กระเพาะอาหารของสุนัขต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันจะส่งผลทำให้กระเพาะอาหารของสุนัขเกิดการขยายและบิดตัวลง
ทางการแพทย์เรียกว่าอาการเหล่านี้ว่า “อาการท้องอืดในสุนัข” โดยปกติแล้วอาการท้องอืดในสุนัขไม่ได้เป็นอาการที่รุนแรงมากนัก
แต่ถ้าคุณปล่อยให้สุนัของคุณมีอาการท้องอืดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ แล้วก็จะอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของสุนัข จนทำให้สุนัขของคุณมีอาการหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว รวมถึงมีอาการช็อกหมดสติ และเสียชีวิตลงได้ขอให้คุณระวังเรื่องเหล่านี้ เอาไว้ให้ดีๆ
อาการท้องอืดในสุนัขนอกจากนิสัยการกินของสุนัขแล้ว สุนัขบางสายพันธุ์ก็ยังมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคนี้ได้สูงอย่างเช่น
- สุนัขเกรตเดน (Great Dane)
- เยอรมันเชเพิร์ด (German Shepherd)
- พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle)
ถ้าคุณเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์เหล่านี้อยู่ ขอให้คุณระวังเรื่องเหล่านี้เอาไว้ให้ดีๆ