บทนำ
อาการเป็นไข้ตัวร้อนเป็นอาการที่บอกได้อย่างเบื้องต้นว่า สุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นโรคบางอย่าง หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของสุนัข
เมื่อสุนัขของคุณมีอาการตัวร้อนเป็นไข้ ให้คุณดูต่อไปว่า สุนัขของคุณมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ ถ้าสุนัขของคุณมีอาการอ่อนเพลีย ท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักตัวค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณ เข้าพบกับทางสัตวแพทย์โดยทันที เพราะสุนัขของคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคบางอย่างอยู่ก็เป็นได้
บทความนี้จะมาบอกเล่าถึงอาการมีไข้ของสุนัขว่า
- อุณหภูมิในร่างกายของสุนัขประมาณไหนถึงจะเรียกว่ามีไข้
- อาการแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่าสุนัขกำลังป่วยอยู่
- สาเหตุที่ทำให้สุนัขมีไข้นั้นเกิดจากสาเหตุอะไร
- ทางสัตวแพทย์รักษาอาการมีไข้ของสุนัขอย่างไรบ้าง
- พร้อมข้อควรระวังในการมีไข้ของสุนัข
ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนกำลังสนใจเรื่องราวเหล่านี้อยู่ สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
แบบไหนถึงจะเรียกว่าสุนัขมีไข้
โดยปกติแล้วอุณหภูมิร่างกายของสุนัขจะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส แต่ในกรณีที่สุนัขมีไข้ อุณหภูมิในร่างกายของสุนัขจะขึ้นสูงไปอยู่ที่ประมาณ 39.7 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น
ถ้าสุนัขของคุณมีอุณหภูมิในร่างกายมากกว่า 39.7 องศาเซลเซียส แสดงว่าสุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นโรคบางอย่างอยู่ หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ร่างกาย คุณควรพาสุนัขของคุณไปหาสัตวแพทย์โดยทันที
แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าสุนัขกำลังป่วยอยู่
อาการมีไข้ของสุนัขนั้น เป็นอาการที่บอกได้อย่างเบื่องต้นว่า ร่างกายของสุนัขกำลังมีความผิดปกติอยู่
ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการตัวร้อนเป็นไข้แล้ว ให้คุณดูอาการอื่นๆ ของสุนัขร่วมด้วยว่า สุนัขของคุณมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้หรือไม่
- สุนัขจะมีอาการอ่อนแรงและอ่อนเพลีย
- สุนัขจะมีอาการเบื่ออาหารและตัวสั่น
- หัวใจของสุนัขเต้นเร็วและแรง
- สุนัขมีอาการเหงือกและปากซีด
- สุนัขจะมีภาวะขาดน้ำ
- สุนัขจะหายใจเร็วและถี่ขึ้น
- มีกลิ่นเหม็นๆ ออกมาจากลมหายใจของสุนัข
- มีเลือดไหลออกมาจากจมูกของสุนัข
- รวมถึงอาการอื่นๆ อย่างเช่น อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งอาการต่างๆ จะแตกต่างกันไปตามที่สุนัขป่วยเป็นโรคนั้นๆ
ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ควบคู่กับอาการเป็นไข้ตัวร้อน ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณ เข้าพบกับทางสัตวแพทย์โดยทันที เพื่อให้ทางสัตวแพทย์ตรวจสอบดูว่าสาเหตุที่ทำให้สุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่น
แต่ในกรณีที่สุนัขของคุณแค่เป็นไข้ตัวร้อนเฉยๆ ไม่มีอาการใดๆ เลย ให้คุณรอดูต่อไปว่าหลังจากผ่านไป 1 – 2 วันอาการตัวร้อนของสุนัขลดลงหรือไม่
เมื่อผ่านไป 1 – 2 วันอาการตัวร้อนของสุนัขลดลง คุณก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพาสุนัขไปหาสัตวแพทย์
สาเหตุที่ทำให้สุนัขมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน
- สุนัขติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสบางประเภท
- มีเนื้องอก หรือเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในร่างกายของสุนัข
- สุนัขป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบเผาผลาญในร่างกาย
- สุนัขป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ
- ผลข้างเคียงจากตัวยาบางชนิด
- มีอวัยวะบางส่วนในร่างกายของสุนัขเกิดการอักเสบ
- สุนัขได้รับสารพิษที่ร้ายแรงต่อร่างกายอย่างเช่น สารพิษจากยาเบื่อหนู เป็นต้น
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- สัตวแพทย์จะสอบถามถึงอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสุนัขว่ามีอาการอะไรบ้าง สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสาวะของสุนัข เพื่อดูว่า ภายในร่างกายของสุนัขมีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง
- ต่อจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ (X-Ray) ให้กับสุนัข เพื่อดูว่าภายในร่างกายของสุนัขมีเนื้องอก เซลล์มะเร็ง ฝี รวมถึงมีอาการอักเสบต่างๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของสุนัขหรือไม่
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
ทางสัตวแพทย์จะรักษาไปตามอาการ รวมถึงสาเหตุที่ตรวจพบเจอ แต่ในกรณีที่สุนัขเป็นไข้เฉยๆ ไม่มีอาการใดๆ ร่วมด้วยเลย
ทางสัตวแพทย์จะแนะนำให้สุนัขพักผ่อนอย่างเต็มที่ ควบคู่กับการให้สุนัขทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ก็จะสามารถทำให้สุนัขหายจากอาการเป็นไข้ตัวร้อนได้แล้ว
แต่ในกรณีที่ทางสัตวแพทย์ตรวจพบว่าสุนัขกำลังป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับ เนื้องอก เซลล์มะเร็ง ทางสัตวแพทย์ก็จะทำการผ่าตัดเอาเนื้องอก หรือเซลล์มะเร็งชนิดนั้นออกมาจากร่างกายของสุนัข
ส่วนในกรณีที่ตรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นไข้ตัวร้อนเกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสบางประเภท ทางสัตวแพทย์ก็จะทำการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับฆ่าเชื้อชนิดต่างๆ ให้กับสุนัข
ข้อควรระวังเกี่ยวกับอาการตัวร้อนในสุนัข
สิ่งที่คุณต้องห้ามทำโดยเด็ดขาด ทุกครั้งที่สุนัขของคุณมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนนั้นก็คือห้ามคุณไปซื้อยาลดไข้สำหรับมนุษย์ มาให้สุนัขของคุณทานเองโดยเด็ดขาด
รวมถึงยาพาราเซตามอล ก็ห้ามให้สุนัขของคุณทานโดยเด็ดขาด เพราะฤทธิ์ของตัวยาพวกนี้ มันจะส่งผลเสียแรงร้ายต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก
มันอาจจะส่งผลทำให้สุนัขของคุณมีอาการตับวายจนเสียชีวิตลงได้ หลังจากที่ทานยาพาราเซตามอล เข้าไปในเวลาไม่ถึง 2 – 3 ชั่วโมง
ดังนั้นขอให้คุณระวังเรื่องนี้เอาไว้ด้วย ให้คุณจำเอาไว้ว่าสุนัขสามารถทานยาได้แต่ของสุนัขแต่เพียงเท่านั้น และแต่เป็นยาที่ทางสัตวแพทย์อนุญาตให้ทาน สุนัขถึงจะสามารถทานยาชนิดนั้นได้
แต่ในกรณีที่คุณอยากให้สุนัขของคุณทานยาคุณต้องโทรไปขอคำปรึกษาจากทางสัตวแพทย์ก่อนว่า ยาตัวนี้สุนัขของคุณสามารถทานได้ไหม
ถ้าทางสัตวแพทย์บอกว่าได้ คุณถึงจะไปซื้อตัวยาชนิดนี้มาให้สุนัขของคุณทานได้