บทนำ
การติดเชื้อยีสต์และเชื้อราในสุนัข หรือการติดเชื้อ Candida ในสุนัข เป็นอาการที่สุนัขมีการติดเชื้อจากเชื้อราประเภท Candida ซึ่งโดยปกติเชื้อราประเภทนี้จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ต่อร่างกายของสุนัขได้ ถ้าสุนัขของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงดีพอ
แต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่าสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือในช่วงนี้สุนัขของคุณมีสุขภาพที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก ก็อาจจะทำให้สุนัขของคุณติดเชื้อราชนิดนี้ขึ้นมาได้
และเมื่อสุนัขของคุณติดเชื้อรา Candida ขึ้นมาแล้ว เชื้อราชนิดนี้จะค่อยๆ เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัขไม่ว่าจะเป็นในส่วนของช่องปาก ช่องหู จมูก ระบบทางเดินอาหาร รวมถึงระบบสืบพันธุ์ของสุนัข
อาการติดเชื้อรา Candida ในสุนัขนั้น สามารถติดได้กับสุนัขทุกเพศทุกวัยรวมถึงสุนัขทุกสายพันธุ์ การติดเชื้อราชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสุนัข หรือบางทีอาจจะเกิดขึ้นได้ในหลายๆ จุดของร่างกายสุนัขก็เป็นได้เหมือนกัน
อาการติดเชื้อราชนิดนี้จะทำให้สุนัขรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก
อาการต่างๆ เมื่อสุนัขติดเชื้อ candida
อาการต่างๆ จะแตกต่างกันออกไปตามจุดที่สุนัขติดเชื้อรา candida ตัวอย่างเช่น
- ถ้าสุนัขติดเชื้อที่หู สุนัขจะมีอาการสะบัดหัว และยกขาขึ้นมาเกาตรงศีรษะอยู่เป็นประจำ
- ในกรณีที่มีการติดเชื้อที่ช่องปาก สุนัขจะมีน้ำลายไหลออกมาจากปากมากกว่าปกติ
- ถ้าติดเชื้อที่ระบบสืบพันธุ์ จะทำให้กระเพาะปัสสาวะของสุนัขเกิดการอักเสบ จนเป็นเหตุทำให้สุนัขไม่สามารถขับปัสสาวะออกมาได้ รวมถึงสุนัขจะมีอาการเจ็บปวดที่ทุกครั้งต้องขับปัสสาวะออกมา
- ถ้าผิวหนังของสุนัขเกิดการติดเชื้อ มันจะทำให้สุนัขรู้สึกคันที่ผิวหนังเป็นอย่างมาก แถมสุนัขยังมีอาการตัวร้อนไข้ขึ้นสูงร่วมด้วย
สาเหตุที่ทำให้สุนัขติดเชื้อ candida
- สุนัขถูกไฟไหม้จนผิวหนังของสุนัขอ่อนแอลงมากว่าปกติ จนเป็นเหตุทำให้ผิวหนังของสุนัขติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ
- เชื้อ candida เข้าสู่ร่างกายของสุนัขผ่านทางแผลสด
- สุนัขป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- สุนัขตัวที่มีสุขภาพอ่อนแอ
- สุนัขที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน จะมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อราชนิดนี้ได้สูงเป็นอย่างมาก
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามถึงอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า สุนัขมีอาการอะไรบ้างสุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
- ทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจปัสสาวะของสุนัข เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นที่ระบบปัสสาวะของสุนัขหรือเปล่า
- ทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจช่องหูของสุนัขอย่างละเอียด เพื่อดูว่าช่องหูของสุนัขมีการติดเชื้ออะไรเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการ Swab เพื่อเก็บตัวอย่างบางส่วนในช่องหูของสุนัข แล้วนำไปเพาะเชื้อดูว่า ตกลงแล้วสุนัขกำลังติดเชื้อโรคชนิดไหนอยู่กันแน่น
- ถ้าสุนัขมีไข้ และมีอาการคันตามผิวหนัง ทางสัตวแพทย์จะทำการขีดผิวหนังบางส่วนที่มีอาการคันเกิดขึ้น เพื่อนำไปตรวจสอบหาดูว่า ภายในผิวหนังของสุนัขมียีสต์ชนิดนั้น หรือมีการติดเชื้อ Candida เกิดขึ้นที่ผิวหนังของสุนัขหรือเปล่า
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- โดยส่วนใหญ่การรักษาอาการติดเชื้อ Candida ในสุนัข ทางสัตวแพทย์จะเน้นทำให้สุขภาพของสุนัขแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของสุนัขกลับมาแข็งแรงจนสามารถต่อสู้กับเชื้อ Candida ได้
- ถ้าผิวหนังของสุนัขมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ก็จะให้ยาปฏิชีวนะที่สามารถกำจัดเชื้อ Candida รวมถึงยาช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ให้กับสุนัข ซึ่งตัวยาจะมีทั้งแบบกิน และก็แบบทา
- ถ้าพบว่าสุนัขกำลังป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่ ทางสัตวแพทย์จะค่อยๆ รักษาสุนัขอย่างระมัดระวัง โดยจะพยายามควบคุมไม่ให้สุนัขเกิดภาวะแทรกซ้อนใดๆ ในระหว่างที่ทำการรักษาอยู่
- เมื่อรักษาจนอาการต่างๆ ของสุนัขเริ่มดีขึ้นมาแล้ว ทางสัตวแพทย์จะแนะนำถึงวิธีดูแลสุนัขในระหว่างที่กำลังพักฟื้นตัวอยู่ รวมถึงจะแนะนำเมนูอาหารที่ประโยชน์ต่อร่างกายของสุนัข เพื่อให้สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงต่อสู้กับเชื้อราชนิด Cansdida ได้
- การรักษาอาการติดเชื้อ Cansdida ในสุนัข จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน อาการต่างๆ ของสุนัขถึงจะเริ่มดีขึ้น จนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ดังนั้นคุณต้องพาสุนัขของคุณกลับไปหาสัตวแพทย์ ตามที่ทางสัตวแพทย์ได้นัดไว้ทุกครั้ง