บทนำ
โรคมะเร็ง Hemangiosarcoma คืออะไร
โรคมะเร็งชนิด Hemangiosarcoma ในตับและม้ามของสุนัข เป็นเซลล์มะเร็งที่อยู่ในเส้นเลือดของสุนัข เซลล์มะเร็งชนิดนี้เป็นเซลล์มะเร็งที่สามารถแพร่กระจายตัวไปตามอวัยวะส่วนอื่นๆ ในร่างกายของสุนัขได้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก
เซลล์มะเร็งชนิดนี้จะเกิดขึ้นที่เยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในของสุนัขเป็นส่วนแรก ซึ่งมันจะส่งผลทำให้ตับ และม้ามของสุนัขมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เกิดขึ้นมา
เสร็จแล้วเซลล์มะเร็งชนิดนี้ก็จะค่อยๆ แพร่กระจายตัวไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัขไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ปอด ตับ หัวใจและสมองของสุนัข
และด้วยความที่ว่าก้อนเนื้อเซลล์มะเร็งชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นตรงบริเวณที่มีหลอดเลือดเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีหลายครั้งที่เซลล์มะเร็งชนิดนี้เกิดแตกตัว มันจะส่งผลทำให้เลือดออกภายในร่างกายของสุนัขได้
โดยปกติแล้วมะเร็งชนิดมักจะไม่ค่อยแสดงอาการอะไรออกมาให้คุณเห็น ยกเว้นแต่ตอนที่สุนัขเป็นหนักๆ ถึงจะแสดงอาการต่างๆ ออกมาให้คุณเห็น
สุนัขแบบไหนมีความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคนี้ได้สูง
โดยส่วนใหญ่แล้วโรคมะเร็งชนิด Hemangiosarcoma มักจะพบได้ในสุนัขสายพันธุ์
- โกลเดินริทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)
- เยอรมันเชเพิร์ด (German Shepherd)
- บ๊อกเซอร์ (Boxer)
- สุนัขวัยชรา หรือสุนัขมีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- สุนัขตัวเมียจะมีความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่ายกว่าสุนัขตัวผู้
อาการของโรคมะเร็งชนิด Hemangiosarcoma ในสุนัข
- เมื่อสุนัขป่วยเป็นโรคนี้แล้ว จะทำให้ประสิทธิภาพการทํางานของตับและม้ามของสุนัข ลดลงมากกว่าปกติ
- สุนัขจะมีอาการอ่อนแรง อ่อนเพลีย รวมถึงน้ำหนักตัวของสุนัขจะลดลงอย่างรวดเร็ว
- สุนัขจะมีอาการเดินโซเซไปมา และมีอาการชักหมดสติให้เห็นอยู่บ่อยๆ
- อัตราการเต้นของหัวใจสุนัขจะเต้นไวมากขึ้นกว่าปกติ
- สุนัขจะมีอาการความจำเสื่อมไม่สามารถจำได้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่
- ท้องของสุนัขจะบวมขึ้นจากการมีสารน้ำคั่งสะสมอยู่ในช่องท้องของสุนัข
- ถ้าในช่วงนี้ให้คุณลองคลำที่บริเวณท้องของสุนัขดู คุณจะพบว่ามีก้อนบางอย่างอยู่ในท้องของสุนัข
- สุนัขจะมีอาการเลือดออกอย่างฉับพลันจนเป็นเหตุทำให้สุนัขเสียชีวิตลงในเวลาต่อมาได้
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้
ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันวงการแพทย์จะพัฒนาไปได้ไกลมากแล้ว แต่ทางการแพทย์ก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุแท้จริงที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคนี้
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับสุนัขสายพันธุ์
- โกลเดินริทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)
- เยอรมันเชเพิร์ด (German Shepherd)
- บ๊อกเซอร์ (Boxer)
- กับสุนัขวัยชรา ที่มีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
การวินิจฉัยโรคจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะทำการสอบถามที่ประวัติสุขภาพของสุนัขว่า สุนัขเคยป่วยเป็นโรคอะไรมาก่อนแล้วหรือเปล่า สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
- ทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะของสุนัข เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับสุนัขหรือเปล่า รวมถึงจะดูว่าค่าเกล็ดเลือดของสุนัขในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
- ต่อมาทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเอกซเรย์ กับอัลตร้าซาวด์ (ultrasound) ให้กับสุนัข เพื่อดูภาพโดยรวมอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของสุนัข
- โดยทางสัตวแพทย์จะให้ความสำคัญที่บริเวณช่องท้องของสุนัข โดยทางสัตวแพทย์จะดูว่าภายในช่องท้องของสุนัขมีเนื้องอกเกิดขึ้นมาหรือเปล่า มีน้ำคั่งสะสมอยู่ในช่องท้องของสุนัขมากน้อยแค่ไหนกัน
- ถ้าพบว่ามีเนื้องอกเกิดขึ้นภายในช่องท้องของสุนัข ทางสัตวแพทย์จะตรวจไปต่อว่า เนื้องอกดังกล่าวได้แพร่กระจายตัวไปยัง ปอด ตับ ม้าม หัวใจ และสมองของสุนัขแล้วหรือยัง
- ขั้นตอนสุดท้ายทางสัตวแพทย์จะทำการเก็บชิ้นเนื้อบางส่วนจากก้อนเนื้องอกไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ห้องปฏิบัติการอีกทีหนึ่ง เพื่อระบุว่าเนื้อร้ายก้อนนั้นเป็นเซลล์มะเร็งชนิดไหนกันแน่น
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- โดยส่วนใหญ่แล้วสุนัขที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้มักจะมีอาการซีด ทางสัตวแพทย์จึงต้องทำการให้สารน้ำ รวมถึงให้เลือดกับสุนัข เพื่อให้อาการซีดของสุนัขลดลง
- ขั้นตอนการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับว่าเซลล์มะเร็งที่ตรวจพบนั้น ได้แพร่กระจายตัวไปตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของสุนัขมากน้อยแค่ไหนกัน
- ในกรณีที่สัตวแพทย์ประเมินความเสี่ยงแล้วว่าสามารถผ่าตัดได้ ก็จะทำการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อมะเร็งและเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ ข้างที่มีเซลล์มะเร็งแพร่กระจายอยู่ออกมา
- เซลล์มะเร็งชนิดนี้เป็นเซลล์มะเร็งที่มีความร้ายแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีการใดๆก็ตาม สุนัขก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานก็จะเสียชีวิตลง ภายในเวลาไม่เกิน 6 เดือนถึง 1 ปี ดังนั้นขอให้ทางเจ้าของทำใจไว้ตั้งแต่เนินๆ
- หลังจากผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายออกแล้ว ทางสัตวแพทย์จะทำการนัดให้คุณพาสุนัขกลับมาเข้าพบอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะได้ทำการเคมีบำบัด เป็นการช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดต่างๆ ของสุนัขลง
วิธีแนะนำสุนัขหลังการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายออกมา
- หลังจากที่คุณพาสุนัขกลับมาพักฟื้นตัวอยู่ที่บ้านแล้ว คุณจำเป็นต้องงดกิจกรรมต่างๆ ของสุนัขลงให้หมด ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเล่น หรือการออกกำลังกายเพราะมันจะทำให้ร่างกายของสุนัขมีเลือดไหลออกจากภายในได้ สิ่งที่คุณควรทำก็คือ ให้สุนัขของคุณนอนอยู่เฉยๆ เพื่อพักผ่อนร่างกายจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
- หลังจากการผ่าตัดทางสัตวแพทย์จะให้ยาแก้ปวดมาให้สุนัขทาน คุณจำเป็นต้องให้สุนัขของคุณทานยาแก้ปวดที่ทางสัตวแพทย์ให้มาอยู่เป็นประจำ เพื่อบรรเทาอาการปวดต่างๆ ของสุนัขลง
- ในช่วงที่สุนัขของคุณกำลังพักฟื้นร่างกายอยู่นั้น ให้คุณเตรียมห้องไว้ให้สุนัขได้พักผ่อน โดยห้องที่คุณเตรียมไว้ต้องมีบรรยายที่เงียบสงบ มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีเสียงรบกวนต่างๆ ทั้งจากภายในบ้านและก็นอกบ้าน ห้องแบบนี้จะทำให้สุนัขได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ มันจะเป็นการช่วยลดการขยับตัวของสุนัขลงได้