การติดเชื้อรา Histoplasmosis ในสุนัข

การติดเชื้อรา Histoplasmosis ในสุนัข

บทนำ

การติดเชื้อราในสุนัข หรือ Histoplasmosis ในสุนัข เป็นอาการที่สุนัขติดเชื้อราจากกลุ่มของ Histoplasma capsulatum สุนัขสามารถติดเชื้อราดังกล่าวได้จากการกินดิน

หรือกินขี้นกที่มีเชื้อราชนิดนี้ปะปนอยู่เข้าไปในร่างกาย และเชื้อราดังกล่าวก็จะค่อยๆ เข้าสู่ระบบทางเดินอาหารของสุนัข จนทำให้สุนัขเกิดป่วยเป็นโรคนี้ขึ้นมาได้

อาการต่างๆ เมื่อสุนัขติดเชื้อรากลุ่มของ Histoplasmosis

  • สุนัขจะมีอาการซึม เบื่ออาหาร และมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
  • สุนัขจะมีอาการไอแห้ง และมีอาการหายใจติดขัด
  • สุนัขจะตัวร้อนมีไข้ขึ้นสูง
  • ต่อมน้ำเหลืองของสุนัขจะค่อยๆ โตขึ้น
  • สุนัขจะเป็นภาวะดีซ่านทำให้ตัวของสุนัขเปลื่ยนเป็นสีเหลือง
  • ในช่วงนี้ถ้าคุณลองเปิดเหงือกของสุนัขดูคุณจะพบว่าเหงือกของสุนัขมีสีที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ตับและม้ามของสุนัขจะขยายตัวออกมามากกว่าปกติ
สาเหตุที่ทำให้สุนัขติดเชื้อรา Histoplasmosis

สาเหตุที่ทำให้สุนัขติดเชื้อรา Histoplasmosis

  • สาเหตุหลักๆ นั้นเกิดจาก การที่สุนัขได้เผลอไปกินดิน หรือขี้นกที่มีเชื้อราชนิดนี้ปะปนอยู่ จนทำให้เชื้อราดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายของสุนัขได้
  • สุนัขไปขุดดินเล่น หรือสุนัขเผลอไปเลียขี้นก ขี้ไก่ ขี้ค้างคาว ที่มีเชื้อราชนิดนี้ปะปนอยู่ ก็มีโอกาสติดโรคนี้ได้เหมือนกัน

สาเหตุอื่นๆ

และนอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้สุนัขได้รับไวรัสชนิดนี้ได้อีกด้วยอย่างเช่น

  • สุนัขป่วยเป็นโรคพยาธิปากขอ
  • สุนัขป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จนทำให้ตับและม้ามของสุนัขขยายตัวมากขึ้นกว่าปกติ
  • สุนัขป่วยเป็นโรคหัวใจ
  • สุนัขติดเชื้อแบคทีเรีย distemper
สุนัขติดเชื้อรา Histoplasmosis วิธีรักษา

การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์

  • ทางสัตวแพทย์จะสอบถามว่า สุนัขของคุณเคยป่วยเป็นโรคอะไรมาก่อนหน้านั้นหรือเปล่า สุนัขมีอาการเหล่านี้มานานแล้วหรือยัง
  • หลังจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจเลือดกับตรวจปัสสาวะของสุนัขเพื่อดูว่าร่างกายของสุนัขได้สร้างแอนติบอดี หรือสารภูมิต้านทานต่อเชื้อราชนิด Histoplasmosis ขึ้นมาหรือเปล่า ถ้าในร่างกายของสุนัขการมีสร้างแอนติบอดีชนิดนี้ขึ้นมา นั้นก็แสดงว่าสุนัขกำลังป่วยเป็นโรคเชื้อรา ชนิด Histoplasmosis  อยู่
  • ทางสัตวแพทย์จะตรวจหาเชื้อราในอุจจาระของสุนัข เพื่อดูว่าสุนัขกำลังติดเชื้อราชนิดไหนกันแน่น
  • ทางสัตวแพทย์จะทำการเอ็กซเรย์ (X-ray) ไปที่ตับและม้ามของสุนัข เพื่อดูว่าตับและม้ามของสุนัขในตอนนี้ทำงานเป็นอย่างไร มีการขยายตัวออกมามากกว่าปกติหรือเปล่า

การรักษาจากทางสัตวแพทย์

ทางสัตวแพทย์จะรักษาไปตามอาการ รวมถึงสาเหตุที่ตรวจพบเจอตัวอย่างเช่น

โรคพยาธิเม็ดเลือด

  • ถ้าทางสัตวแพทย์ตรวจพบว่าสุนัขมีภาวะดีซ่านจากโรคพยาธิเม็ดเลือด ทางสัตวแพทย์ก็จะทำการรักษาโดยการให้ยาฆ่าพยาธิเม็ดเลือดกับสุนัข
  • รวมถึงจะให้ยาในกลุ่มของ  doxytetracycline ให้กับสุนัขทาน เพื่อช่วยบรรเทาอาการดีซ่านในสุนัข รวมถึงจะทำการให้อาหารเสริมบำรุงธาตุเหล็กและบำรุงเลือดกับสุนัข

สำไส้ผิดปกติ

  • ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นที่สำไส้ของสุนัข จนทำให้สำไล้ของสุนัขไม่สามารถดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกายได้
  • ทางสัตวแพทย์ก็จะทำการรักษาโดยการให้สารน้ำกับสุนัขผ่านทางหลอดเลือด โดยในสารน้ำจะมีตัวยารวมถึงสารอาหารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของสุนัข
สุนัขติดเชื้อรา Histoplasmosis วิธีป้องกัน

ในช่วงที่สุนัขพักฟื้นร่างกายอยู่

ในช่วงที่สุนัขกำลังพักฟื้นร่างกายอยู่ คุณควรงดกิจกรรมของสุนัขทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การพาสุนัขไปเดินเล่น คุณควรงดทุกอย่าง

คุณควรให้สุนัขของคุณนอนพักฟื้นร่างกายอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย มันจะเป็นการทำให้ร่างกายของสุนัขฟื้นตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น

รวมถึงให้คุณคอยเฝ้าสังเกตอาการต่างๆ ของสุนัขอย่างใกล้ชิด ถ้าเกิดว่าอาการต่างๆ ของสุนัขยังไม่ดีขึ้นเลย ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณกลับเข้าพบกับทางสัตวแพทย์โดยทันที

วิธีป้องกันไม่ให้สุนัขติดเชื้อรา Histoplasmosis

สำหรับวิธีป้องกันนั้นคุณสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการให้คุณเลี้ยงสุนัขของคุณให้อยู่แต่ภายในบ้าน หรือเลี้ยงแบบระบบปิด

เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงไม่ให้สุนัขของคุณเผลอไปสัมผัสดิน หรือเลียขี้นกที่อยู่นอกบ้านแล้ว

รวมถึงให้คุณหมั่นทำความสะอาดพื้นที่ในบ้านของคุณอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะจุดที่สุนัขของคุณพักอาศัยอยู่เป็นประจำ

ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ ก็คือให้คุณหลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขของคุณได้สัมผัสกับแหล่งที่มีเชื้อราชนิดนี้อาศัยอยู่อย่างเช่น

  • พื้นที่ที่มีนกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
  • พื้นที่ที่มีดินสกปรก เพราะพื้นที่เหล่านี้จะมีเชื้อรา Histoplasmosis อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก