อาการอัมพาตในสุนัขคืออะไร
โดยปกติแล้วเมื่อสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก มันจะทำให้สุนัขรู้สึกเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อและกระดูกเป็นอย่างมาก ซึ่งมันจะส่งผลทำให้สุนัขมีอาการเดินกะเผลกอยู่ตลอดเวลา
แต่ในทางกลับกันเมื่อสุนัขมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่กล้ามเนื้อและกระดูกของสุนัข แต่สุนัขของคุณไม่ รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย แถมสุนัขยังไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้อีกด้วย อาการเหล่านี้เป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่า สุนัขของคุณอาจจะกำลังเป็นอัมพาตอยู่ก็เป็นได้
อาการอัมพาตของสุนัขเกิดจากระบบประสาทของสุนัขส่วนใดส่วนหนึ่งมีความผิดปกติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบประสาทส่วนกลาง ที่ทำหน้าที่ควบคุมสมองกับไขสันหลังของสุนัข
รวมถึงระบบประสาทส่วนปลายที่ทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกายของสุนัข ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบประสาทใดประสาทหนึ่ง ก็จะทำให้สุนัขป่วยเป็นอัมพาตขึ้นมาได้
สำหรับอาการอัมพาตในสุนัขสามารถเกิดขึ้นได้กับขาทั้งสองข้าง หรือขาข้างใดข้างขาของสุนัขก็ได้เหมือนกัน แต่ในกรณีขั้นร้ายแรงอาการอัมพาตอาจะเกิดขึ้นกับขาทั้งสี่ข้างของสุนัขเลยก็ได้เหมือนกัน
เมื่อสุนัขป่วยเป็นอัมพาตจะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ถ้ามีขาข้างใดข้างหนึ่งของสุนัขไม่สามารถขยับขาได้ ทางการแพทย์จะเรียกอาการเหล่านี้ว่า local paralysis
- ถ้าสุนัขของคุณไม่สามารถขยับขาหลังทั้งสองข้างได้เลย ทางการแพทย์เรียกอาการเหล่านี้ว่า paraparesis
- ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ขาหน้าทั้ง 2 ข้างหรือขาหลังทั้ง 2 ข้างได้เลย อาการเหล่านี้ทางการแพทย์เรียกว่า hemiparesis
- ถ้าสุนัขไม่สามารถขยับขาทั้ง 4 ข้างได้เลยทางการแพทย์เรียกอาการเหล่านี้ว่า tetraparesis
- สุนัขของคุณจะไม่มีรู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณขาข้างที่เป็นอัมพาต รวมถึงขาข้างนั้นมีการตอบสนองที่ช้าลงกว่าปกติเป็นอย่างมาก
- สุนัขของคุณไม่สามารถควบคุมการใช้งานขาข้างที่เป็นอัมพาตได้ จึงทำให้การขับถ่ายปัสสาวะ และอุจจาระของสุนัขเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
สาเหตุที่ทำให้สุนัขป่วยเป็นอัมพาต
- เยื่อหุ้มสันหลังของสุนัขมีความเสื่อมโทรมเกิดขึ้น canine degenerative myelopathy
- สุนัขของคุณเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม intervertebral disk disease
- หมอนรองกระดูกของสุนัขมีการอักเสบเกิดขึ้นมา discospondylitis
- สุนัขของคุณป่วยเป็นโรคหัดสุนัข Canine Distemper
- เยื่อหุ้มสมองในสุนัขมีการอักเสบเกิดขึ้นมา meningomyelitis
- มีเนื้องอกมะเร็งเกิดขึ้นที่บริเวณไขสันหลังกับบริเวณก้านสมองของสุนัข
- สุนัขของคุณได้รับสารพิษบางประเภทอย่างเช่น สารพิษ โบทูลินั่ม ท็อกซิน Botulinum toxin เป็นต้น
- สุนัขของคุณเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง myasthenia gravis
- สุนัขของคุณได้รับอุบัติเหตุอย่างรุนแรงอย่างเช่น การถูกรถชนจนทำให้กระดูกไขสันหลังเกิดการผิดรูป หรือเกิดการฉีกขาดขึ้นมา
การวินิจฉัยจากทางสัตวแพทย์
- ทางสัตวแพทย์จะสอบถามถึงประวัติสุขภาพของสุนัขอย่างเบื้องต้นว่า สุนัขเคยมีปัญหาเรื่องเห็บและหมัดมาหรือเปล่า สุนัขของคุณเคยเกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงอย่างเช่น การถูกรถชนมาหรือเปล่า รวมถึงอาการต่างๆ ที่สุนัขแสดงออกมา
- หลังจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจสอบขาของสุนัขอย่างละเอียด เพื่อดูว่าขาของสุนัขเป็นอย่างไรบ้าง ยังใช้งานดีอยู่หรือเปล่าในตอนนี้สุนัขของคุณยังสามารถใช้ขาได้ดีอยู่
- ต่อจากนั้นทางสัตวแพทย์จะทำการตรวจกระดูกสันหลังของสุนัขอย่างละเอียด ว่ามีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับกระดูกสันหลังของสุนัขหรือเปล่า
- มาถึงขั้นตอนสุดท้ายทางสัตวแพทย์จะตรวจร่างกายของสุนัขด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ ควบคู่กับการใช้ CT-scan วิธีนี้จะช่วยให้ทางสัตวแพทย์รู้ว่ากระดูกขาของสุนัขเป็นอย่างไรบ้าง มีความเสี่อมถอยของกระดูก หรือกระดูกของสุนัขเกิดการร้าวแตกหักขึ้นมาได้หรือเปล่า
- การทำ CT-scan จะช่วยให้ทางสัตวแพทย์รู้ว่าสุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งไขสันหลัง หรือโรคมะเร็งที่สมองอยู่หรือเปล่า
การรักษาจากทางสัตวแพทย์
- ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นที่กระดูกไขสันหลังของสุนัข ทางสัตวแพทย์จะใช้วิธีรักษาโดยการผ่าตัดเปิดไขสันหลังของสุนัข เพื่อรักษาภาวะผิดปกติดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับกระดูกไขสันหลัง รวมถึงยังเป็นการช่วยลดแรงเบียดของกระดูกไขสันหลังของสุนัขลงอีกด้วย
- ในกรณีที่ตรวจพบว่าขาของสุนัขไม่มีการตอบสนองใดๆ เลยทางสัตวแพทย์ก็จะใช้วิธีฝังเข็มเข้ามากระตุ้นระบบประสาทของสุนัข
- หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการผ่าตัด หรือการฝังเข็มแล้ว ทางสัตวแพทย์จะจ่ายยาลดอาการอักเสบ กับยาบำรุงไขข้อมาให้สุนัขของคุณได้ทาน เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสุนัข
- รวมถึงทางสัตวแพทย์จะทำการนัดสุนัขของคุณให้กลับเข้ามาพบอีกครั้ง เพื่อจะได้ทำการกายภาพบําบัดเพื่อร่างกายของสุนัขฟื้นตัวได้ไวมากยิ่งขึ้น
การดูแลสุนัขในช่วงพักฟื้นตัว
ในระหว่างที่สุนัขทำการพักฟื้นอยู่นั้น สุนัขยังไม่สามารถทานข้าวได้ด้วยตัวเอง รวมถึงสุนัขจะยังไม่สามารถขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระได้อย่างสะดวก
จึงเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องคอยป้อนข้าวป้อนอาหารให้กับสุนัขของคุณ รวมถึงคุณต้องช่วยเหลือในเวลาที่สุนัขของคุณอยากจะขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระออกมา ให้พวกมันขับถ่ายสิ่งเหล่านี้ออกมาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น