บทนำ
8 สิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนพาสุนัขชิสุเข้าบ้านตอนที่ 1 เผื่อใครที่อยากเลี้ยงสุนัขชิสุ แต่ไม่รู้ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรดี ให้คุณลองอ่านบทความนี้เป็นแนวทางดู
โดยบทความนี้จะเป็นตัวเช็คลิสต์ให้กับคุณว่า ถ้าคุณจะเลือกเลี้ยงสุนัขชิสุสักตัว คุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่กำลังสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
8 สิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนพาสุนัขชิสุเข้าบ้าน
1. จำกัดพื้นที่ให้พวกมันอยู่
ในช่วงแรกๆ ที่คุณพาสุนัขชิสุขเข้าบ้าน คุณควรหาห้องส่วนตัว หรือกำจัดพื้นที่ที่สุนัขชิสุพักอาศัยอยู่ เพราะในช่วงแรกๆ สุนัขชิสุจะยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ต่างๆ ในบ้านของคุณ
ซึ่งสิ่งที่สุนัขชิสุจะทำเป็นอย่างแรกก็คือ การฉี่ไปทั่วทุกมุมบ้านของคุณ เพื่อให้มีกลิ่นตัวของพวกมันติดอยู่ในบ้านของคุณ การทำแบบนี้จะช่วยให้สุนัขชิสุ รู้สึกผ่อนคลายจากสถานที่ไม่คุ้นเคยได้
แต่พฤติกรรมเหล่านี้ของสุนัขชิสุ มันจะส่งผลทำให้บ้านของคุณเหม็นไปด้วยกลิ่นฉี่ของพวกมัน ดังนั้นในช่วงแรกๆ ที่คุณพึ่งพาสุนัขชิสุเข้าบ้าน
คุณควรหาห้องส่วนตัวให้พวกมันได้อยู่ และให้คุณฝึกสุนัขชิสุของคุณ ให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางก่อน ที่จะปล่อยให้พวกมันเดินเล่นอย่างอิสระได้
2. กระดาษสำหรับเช็ดอุจจาระสุนัข
ในช่วงแรกๆ ที่สุนัขชิสุเข้ามายังบ้านของคุณพวกมันจะยังไม่รู้วิธีขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง จึงทำให้มีหลายครั้งที่พวกมันมักจะมีพฤติกรรมชอบขับถ่ายเรี่ยราด ตามสถานที่ต่างๆ ในบ้านของคุณ
คุณจึงต้องเตรียมกระดาษสำหรับเช็คหรือเก็บอุจจาระของสุนัขเพื่อไม่ให้บ้านของคุณเกิดความสกปรก และในระหว่างนั้นคุณก็ควรฝึกให้สุนัขชิสุของคุณขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทางด้วย
3. พาสุนัขชิสุเข้าพบกับสัตวแพทย์
เมื่อสุนัขชิสุของคุณมีอายุได้ประมาณ 2 – 3 เดือน คุณควรไปสุนัขชิสุของคุณไปฉีดวัคซีนที่จำเป็นกับทางสัตวแพทย์ โดยวัคซีนที่สุนัขชิสุของคุณจำเป็นต้องฉีดนั้นก็จะมี
- วัคซีนป้องกันโรคหวัด
- วัคซีนป้องกันโรคไข้หัด
- วัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบ
- วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ
- วัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจ
- วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
โดยเมื่อคุณพาสุนัขชิสุของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ชนิดหนึ่งแล้ว ทางสัตวแพทย์จะทำการนัดต่อเลยว่า คุณควรพาสุนัขชิสุของคุณมาฉีดวัคซีนประเภทไหนดี หน้าที่ของคุณก็คือการ พาสุนัขชิสุของคุณมาฉีดวัคซีนตามที่ทางสัตวแพทย์ได้นัดไว้
อีกทั้งคุณควรพาสุนัขชิสุของคุณไปตรวจสุขภาพกับทางสัตวแพทย์อยู่เป็นประจำ หรือประมาณ 4 เดือนต่อครั้ง เพราะลูกสุนัขที่ยังอายุไม่ครบ 1 ปีจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่าสุนัขที่โตจนเต็มวัยแล้ว ดังนั้นคุณควรจะป้องกันปัญหาเหล่านี้ ด้วยการพาสุนัขของคุณไปตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ
และเมื่อสุนัขชิสุของคุณโตจนเต็มวัย หรือมีอายุครบ 1 ปีบริบูรณ์แล้ว ก็ให้คุณพาสุนัขของคุณไปตรวจสุขภาพประจำปี ปีละ 1 – 2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
4. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ในช่วงที่สุนัขชิสุยังอยู่ในวัยเด็ก ร่างกายของพวกเค้าจะต้องการสารอาหารประเภทต่างๆ เพื่อนำมาเสริมสร้างให้ร่างกายของพวกเค้าเจริญเติบโตสมวัย
โดยในช่วงแรกๆ คุณต้องให้สุนัขชิสุของคุณทานอาหารเหมือนกับตอนที่อยู่กับฟาร์มหรือเจ้าของคนก่อนไปก่อน (ให้คุณลองโทรไปถามฟาร์มที่คุณซื้อสุนัขชิสุมาว่าก่อนหน้านั้นสุนัขชิสุทานอะไรบ้าง)
เสร็จแล้วก็ให้คุณค่อยๆ เปลื่ยนอาหารสูตรที่คุณเตรียมไว้ให้สุนัขชิสุของคุณทาน โดยในช่วงแรกๆ ที่คุณพึ่งเริ่มเปลื่ยนสูตรอาหาร ให้คุณค่อยๆ ใส่อาหารใหม่เข้าไปในอาหารเก่าที่สุนัขชิสุทานอยู่เป็นประจำทีละน้อยๆ ตัวอย่างเช่น
ในสัปดาห์แรกให้คุณใส่อาหารใหม่เข้าไป 10% โดยที่มีอาหารเก่าอยู่ในจานข้าวสุนัขชิสุ 90% แล้วพอถึงสัปดาห์ที่ 2 ก็ให้คุณเพิ่มปริมาณอาหารใหม่เข้าไปเป็น 20% ส่วนอาหารเก่าก็ลดลงเหลือ 80% ให้คุณทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนอาหารใหม่เต็มจานของสุนัข
การทำแบบนี้จะช่วยป้องกันอาหารท้องเสียหลังจากปรับเปลื่ยนสูตรอาหารในทันทีของสุนัขชิสุได้
ส่วนถ้าใครยังไม่รู้ว่าควรจะให้สุนัขชิสุกินอะไรดีในช่วงที่พวกมันมีอายุได้ประมาณ 2 – 6 เดือน คุณก็สามารถไปหาซื้อพวกอาหารเม็ดสำหรับสุนัขชิสุวัย 2 – 6 เดือน มาให้สุนัขชิสุของคุณทานก็ได้เหมือนกัน
โดยให้คุณนำอาหารเม็ดนำไปผสมกับน้ำเปล่าที่สะอาดแล้วปั่นให้ละเอียด แล้วค่อยให้สุนัขชิสุ ควบคู่กับการให้สุนัขชิสุทานนมแพะสำหรับลูกสุนัข
หรือในกรณีที่คุณขี้เกียจปั่นอาหารเม็ด คุณก็สามารถไปหาซื้อพวกอาหารเปียกสำหรับลูกสุนัขก็ได้เหมือนกัน ให้คุณทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสุนัขชิสุมีอายุได้ประมาณ 6 – 7 เดือน คุณถึงจะให้พวกมันทานอาหารเม็ดแบบปกติโดยที่คุณไม่ต้องนำไปปั่นได้เแล้ว
5. น้ำผิ้ง
อันนี้เป็นทางเลือกเผื่อไว้ สำหรับในกรณีที่สุนัขชิสุของคุณเป็นโรคเครียด จากการที่พึ่งย้ายที่อยู่ใหม่แล้วยังปรับตัวไม่ทัน จนไม่สามารถทานอาหารแบบปกติได้
ก็ให้คุณไปหาน้ำผิ้งแล้วนำมาผสมกับน้ำเปล่าที่สะอาด เสร็จแล้วก็ให้สุนัขชิสุของคุณลองทานน้ำผิ้งผสมน้ำเปล่าดู น้ำผิ้งจะมีส่วนช่วยทำให้สุนัขชิสุของคุณรู้สึกผ่อนคลาย และเพิ่มความอยากอาหารขึ้นมาได้
แต่ในกรณีที่คุณใช้น้ำผิ้งแล้ว สุนัขของคุณก็ยังมีอาการเบื่ออาหารอยู่อีก ก็ให้คุณลองพาสุนัขชิสุของคุณไปตรวจสุขภาพกับทางสัตวแพทย์ดู
6. สายจูง ปลอกคอ และบัตรประจำตัวของสุนัข
หลังจากที่คุณพาสุนัขชิสุของคุณเข้ามาที่บ้านแล้ว คุณควรไปหาซื้อพวกสายจูงสุนัขแบบรัดอกมาให้สุนัขชิสุของคุณใช้
คุณไม่ควรให้สุนัขชิสุของคุณใช้สายจูงสุนัขแบบคล้องคอโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สุนัขชิสุของคุณเกิดบาดเจ็บที่คอ จากการกระชากสายจูงแบบแรงๆ ได้
อีกทั้งคุณควรหาปลอกคอพร้อมบัตรประจำตัวที่มีชื่อ ที่อยู่ของคุณพร้อมเบอร์โทรติดต่อของคุณใส่ไว้ในปลอกคอของสุนัข เผื่อสุนัขชิสุของคุณเกิดพลัดหลงจนคุณในเวลาที่คุณพาสุนัขออกไปเดินเล่นนอกบ้าน
หรือสุนัขชิสุของคุณหนีออกจากบ้าน เมื่อคนอื่นๆ พบเจอเค้าจะได้ตามตัวคุณถูก หรืออาจจะพาสุนัขชิสุของคุณมาส่งที่หน้าบ้านของคุณเลยก็ได้เหมือนกัน
หรือในกรณีที่คุณไม่อยากเขียนชื่อที่อยู่ เบอร์โทรลงไปในปลอกคอสุนัขเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว คุณก็สามารถพาสุนัขของคุณไปฝังไมโครชิพก็ได้เหมือนกัน ไมโครชิพจะเป็นตัวบอกคุณได้ว่าตอนนี้สุนัขของคุณอยู่ตรงไหนแล้ว
7. ดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ
การหวีมาแปรงขนของสุนัขอยู่เป็นประจำ
ดังที่คำโบราณว่าไว้ “ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง” ถ้าคุณอยากให้สุนัขชิสุของคุณดูดีอย่างเสมอ คุณควรหาหวีแปรงขนสุนัขมาแปรงขนให้กับสุนัขชิสุของคุณอยู่เป็นประจำ
เพื่อทำให้สุนัขชิสุของคุณสวยและดูดีอยู่ตลอดเวลา แถมการแปรงขนอยู่เป็นประจำนั้น ยังช่วยให้ขนของสุนัขชิสุไม่พันกันจนกลายเป็นสังกะตัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการทำให้สุนัขชิสุป่วยเป็นโรคผิวหนังได้อีกด้วย
อาบน้ำด้วยแชมพูสูตรถนอมสูตรอยู่เป็นประจำ
รวมถึงคุณควรใช้แชมพูอาบน้ำสำหรับสุนัขสูตรถนอมผิว อาบน้ำให้กับสุนัขชิสุของคุณอยู่เป็นประจำเดือนละประมาณ 1 – 2 ครั้ง ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้แชมพูสูตรถนอมผิวนั้นก็เพราะว่า
สุนัขชิสุมีผิวหนังที่ค่อนข้างบอบบางเป็นอย่างมาก ถ้าใช้แชมพูสูตรปกติก็อาจจะทำให้ผิวหนังของสุนัขชิสุเกิดอาการแพ้ จนป่วยเป็นโรคผิวหนังขึ้นมาได้
ดูแลสุขภาพช่องปากอยู่เป็นประจำ
รวมถึงสุขภาพช่องปากก็สำคัญไม่แพ้ไปกว่าสิ่งอื่นๆ เลย เพราะถ้าคุณปล่อยให้สุนัขชิสุของคุณป่วยเป็นโรคฟันผุแล้ว มันจะนำพาโรคต่างๆ มาให้กับสุนัขของคุณอย่างเช่น
- ฝีที่รากฟัน
- โรคเหงือกอักเสบในสุนัข
ซึ่งโรคดังกล่าวก็สร้างความเจ็บปวดและทรมานให้กับสุนัขชิสุของคุณเป็นอย่างมาก แถมแต่ละโรคก็ยังใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างแพงอีกด้วย
ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับสุนัขชิสุของคุณ คุณควรหมั่นแปรงฟันให้กับสุนัขชิสุของคุณอยู่เป็นประจำ หรือคุณอาจจะไปหาซื้อพวกขนมขัดฟันสำหรับสุนัข มาให้สุนัขชิสุของคุณได้เคี้ยวเล่นอยู่เป็นประจำก็ได้เหมือนกัน
8. จานชามให้อาหารและน้ำ
จานชามให้อาหารและน้ำของสุนัข ควรจะเป็นจานชามที่ผลิตจากสแตนเลส หรือเซรามิกแต่เพียงเท่านั้น
หลีกเลี่ยงไม่ใช้จานชามที่ทำจากพลาสติกโดยเด็ดขาด เพราะจะมีโอกาสสูงที่สีเคลือบพลาสติกที่ติดอยู่บนตัวของจานชาม หลุดเข้าไปยังร่างกายของสุนัข ในระหว่างที่พวกมันกำลังกินอาหารได้
และขนาดของจานชามที่คุณเลือกซื้อนั้น ต้องมีขนาดพอดีพอเหมาะกับขนาดตัวของสุนัขชิสุของคุณ ไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป
คุณควรวางชามให้น้ำสุนัขไว้หลายๆ จุดในบ้านของคุณ เพื่อให้สุนัขชิสุของคุณได้กินน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
และสิ่งที่คุณต้องระวังในการวางชามจานให้น้ำให้อาหารก็คือ ห้ามคุณวางชามจานให้น้ำให้อาหาร ไว้ใกล้ๆ กับจุดที่สุนัขขับถ่ายโดยเด็ดขาด
เพราะมันจะทำให้สุนัขของคุณเกิดอาการไม่อยากทานอาหาร (อารมณ์มันคงคล้ายๆ กับมนุษย์ที่คุณคงไม่อยากนั่งทานอาหารหน้าโถส้วมใช่ไหม)