บทนำ
บทความนี้จะมาบอกถึง 8 สิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนพาสุนัขชิสุเข้าบ้านตอนที่ 2 (ตอนจบ) เผื่อใครที่จะเลี้ยงสุนัขชิสุ คุณควรรู้ว่าคุณต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
โดยบทความนี้จะเป็นภาคต่อของ 8 สิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนพาสุนัขชิสุเข้าบ้านตอนที่ 1 ถ้าคุณอ่านครบทั้งตอนที่ 1 กับตอนที่ 2 แล้ว คุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณต้องเตรียมพร้อมให้กับสุนัขชิสุของคุณจะมีอยู่ประมาณ 15 – 16 อย่างด้วยกัน
ถ้าคุณได้อ่านในตอนที่ 1 ไปแล้ว คุณจะรู้ว่า 8 สิ่งที่คุณต้องเตรียมไว้ให้สุนัขชิสุของคุณนั้นมีอะไรกันบ้าง ส่วนบทความนี้เราจะมาดูกันต่ออีกว่า 8 สิ่งที่เหลือนั้นมีอะไรกันบ้าง
8 สิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนพาสุนัขชิสุเข้าบ้านตอนที่ 2 (ตอนจบ)
1. ให้สุนัขชิสุของคุณดื่มได้น้ำเปล่าที่สะอาด ผ่านการกรองแล้วเท่านั้น
มีหลายคนเลยที่ชอบให้สุนัขชิสุของตัวเองทานน้ำดื่มจากก๊อก หรือให้สุนัขของตัวเองดื่มน้ำประปาอยู่เป็นประจำ
คุณรู้หรือไม่ว่าการให้สุนัขชิสุของคุณดื่มน้ำประปาอยู่เป็นประจำนั้น มันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงทำให้สุนัขชิสุของคุณป่วยเป็นโรคต่างๆ ขึ้นมาได้อย่างเช่น
- โรคไทรอยด์ผิดปกติ
- โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
- รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับตับและไตได้
เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขชิสุของคุณป่วยเป็นโรคเหล่านี้ ทางที่ดีคุณควรให้สุนัขชิสุของคุณดื่มแต่น้ำเปล่าที่สะอาด หรือน้ำที่ผ่านการกรองแล้วเท่านั้น
2. ที่นอนของสุนัข
คุณควรซื้อที่นอนให้กับสุนัขชิสุของคุณได้นอน ถ้าเป็นไปได้คุณควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขชิสุของคุณขึ้นมานอนบนเตียงของคุณ
เพราะนอกจากขนของชิสุจะเกาะติดอยู่บนเตียงนอนของคุณแล้ว มันยังทำให้คุณมีโอกาสป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นมาได้อีกด้วย อีกทั้งในระหว่างที่คุณกำลังนอนอยู่ คุณอาจจะเผลอไปนอนทับสุนัขชิสุ จนหายใจไม่ออกและเสียชีวิตลงได้
ดังนั้นทางที่ดีคุณควรหาซื้อที่นอนสำหรับสุนัขมาให้สุนัขชิสุของคุณได้นอนแยกต่างหากจะเป็นการดีกว่า
3. ของเล่นของสุนัข
ของเล่นของสุนัขจะเป็นตัวช่วยคลายเครียดให้กับสุนัขชิสุของคุณได้เป็นอย่างดีเลย ในช่วงแรกๆ ที่สุนัขชิสุของคุณยังเป็นลูกสุนัขอยู่
คุณควรหาของเล่นที่ช่วยให้สุนัขชิสุของคุณได้กัดและเคี้ยวของเล่นชนิดนั้นๆ อย่างเช่น กระดูกยางกัดสำหรับสุนัข หรือของเล่นสุนัขแบบกัดแล้วมีเสียงออกมา
ซึ่งของเล่นเหล่านี้จะช่วยให้สุนัขชิสุของคุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับการกัดและเคี้ยว โดยในช่วงที่สุนัขชิสุยังเป็นลูกสุนัขอยู่ พวกมันจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ
ด้วยการกัดและเคี้ยวสิ่งของเหล่านั้น ว่ามีรสสัมผัสกับมีรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งของสิ่งนี้เป็นอันตรายอะไรกับพวกมันหรือเปล่า
และนอกจากของเล่นที่ช่วยในการเคี้ยวแล้ว คุณควรหาของเล่นชนิดต่างๆ มาให้สุนัขชิสุของคุณได้ลองเล่นดูอย่างเช่น
- ตุ๊กตาสำหรับสุนัข
ของเล่นชิ้นนี้จะช่วยให้สุนัขชิสุของคุณมีความสุขในการได้คาบ หรือได้กัดตุ๊กตาตัวนั้นเล่น
- ของเล่นแบบโยนรับ
ของเล่นชนิดนี้ก็จะเป็นแบบพวกจานร่อน หรือลูกบอลที่คุณโยนไปแล้ว สุนัขชิสุของคุณจะวิ่งไปคาบกลับมาให้คุณได้ ของเล่นแนวนี้จะช่วยให้คุณกับสุนัขชิสุของคุณสนิทกันได้เร็วมากยิ่งขึ้น
- ของเล่นที่ทำจากเชือก
ของเล่นตัวนี้จะช่วยให้สุนัขชิสุของคุณได้กัดได้ดึงยื้อ มันจะเป็นการช่วยฝึกให้สุนัขชิสุของคุณมีทักษะในการกัดและดึงมากยิ่งขึ้น
- ของเล่นฝึกสมองสุนัข
ถ้าคุณอยากให้สุนัขชิสุของคุณมีพัฒนาการในด้านต่างๆ ที่ดี คุณควรหาซื้อพวกของเล่นฝึกสมองประลองปัญญามาให้สุนัขชิสุของคุณเล่นดูอย่างเช่น
ของเล่นที่เคลื่อนไหวได้ เพื่อให้สุนัขชิสุของคุณได้วิ่งออกกำลังกายไปในตัว หรือของเล่นที่ใส่ขนมลงไปตามช่องได้ เพื่อให้สุนัขได้ฝึกทักษะในด้านการค้นหาสิ่งของต่างๆ เป็นต้น
4. เบาะนั่งรถสำหรับสุนัข
สำหรับคนไหนที่มีรถยนต์ส่วนตัว ให้คุณไปหาซื้อเบาะนั่งรถสำหรับสุนัขมาใส่ไว้ในรถของคุณ
เพื่อช่วยป้องกันการกระแทกในเวลาที่คุณพาสุนัขชิสุของคุณไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงในเวลาที่คุณพาสุนัขไปหาหมอ
โดยตัวเบาะนั่งรถสำหรับสุนัขจะช่วยกันกระแทก ไม่ให้สุนัขชิสุของคุณไม่ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอุบัติเหตุต่างๆ ในระหว่างที่กำลังเดินทางได้
5. น้ำยาถูพื้นดับกลิ่นฉี่สุนัข
สิ่งที่คุณต้องเจอเมื่อคุณเลี้ยงสุนัขสักตัวนั้นก็คือ กลิ่นฉี่ที่เกาะติดอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในบ้านของคุณ ซึ่งกลิ่นฉี่ของสุนัขนั้น เป็นกลิ่นที่คุณไม่สามารถขจัดออกไปด้วยน้ำเปล่ากับสบู่ได้
ดังนั้นคุณจึงต้องใช้ตัวช่วยอย่างน้ำยาถูพื้นดับกลิ่นฉี่ของสุนัข เข้ามาช่วยทำความสะอาดพื้นที่ในบ้านของคุณที่มีกลิ่นฉี่เกาะอยู่
แต่ในกรณีที่คุณฝึกสุนัขชิสุของคุณ ให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางตั้งแต่ยังเล็กๆ กับคุณไม่ได้ตะโกนดุด่าสุนัขชิสุของคุณอยู่เป็นประจำ น้ำยากำจัดกลิ่นฉี่เหล่านี้ คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เลยก็ได้เหมือนกัน
6. ถุงเก็บอึของสุนัข
คุณควรซื้อถุงเก็บอึกับอุปกรณ์ตักเก็บอุจจาระของสุนัข ไว้ใช้ในเวลาที่คุณพาสุนัขชิสุของคุณไปเดินเล่นนอกบ้าน หรือพาไปเดินเล่นสวนสาธารณะใกล้บ้าน
คุณควรต้องอุจจาระของสุนัขทุกครั้งที่มีการขับถ่ายออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้คนมาเหยียบอุจจาระสุนัขของคุณ แล้วตะโกนว่าใส่คุณได้
7. ยาป้องกันเห็บและหมัด
เห็บและหมัดเป็นเรื่องที่คนเลี้ยงสุนัขทุกคนต้องเจออยู่แล้ว เห็บและหมัดเป็นต้นเหตุทำให้สุนัขของคุณป่วยเป็นโรคต่างๆ ขึ้นมาได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งโรคบางอย่างก็ทำให้สุนัขของคุณสามารถเสียชีวิตลงได้ในทันที
ดังนั้นเพื่อให้สุนัขชิสุของคุณมีชีวิตยืนยาวอยู่กับคุณไปนานๆ คุณควรพาสุนัขชิสุของคุณไปวัคซีนป้องกันเห็บหมัดกับทางสัตวแพทย์อยู่เป็นประจำ
หรือคุณอาจจะใช้ยาหยอดหลังกำจัดเห็บหมัดให้กับสุนัขของคุณอยู่เป็นประจำ โดยทางบทความขอแนะนำยี่ห้อที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันอย่างยี่ห้อ revolution ก็ได้เหมือนกัน โดยให้คุณใช้ยาหยอดหลังกำจัดเห็บหมัดกับสุนัขของคุณในทุกๆ 4 เดือน หรือ 4 เดือนต่อครั้ง
แต่สิ่งที่คุณควรระวังเอาไว้ก็คือ ตัวยาหยอดหลังกำจัดเห็บหมัดนั้น เป็นตัวยาที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก สุนัขชิสุของคุณอาจจะเกิดอาการแพ้ตัวยาขึ้นมาได้
ดังนั้นทางที่ดีก่อนที่คุณจะใช้ตัวยา คุณควรโทรไปขอคำแนะนำจากทางสัตวแพทย์ก่อนว่า สุนัขของคุณสามารถใช้ตัวยาชนิดนี้ได้หรือไม่ มีผลข้างเคียงอะไรต่อสุนัขของคุณหรือเปล่า
หรือคุณอาจจะพาสุนัขชิสุของคุณไปให้ทางสัตวแพทย์ฉีดวัคซีนป้องกันเห็บหมัดแทน หรืออาจจะให้สัตวแพทย์ทำการใช้ยาหยอดหลังกำจัดเห็บหมัดแทนคุณก็ได้เหมือนกัน
8. พาสุนัขชิสุไปทำหมั่น
ประโยชน์ของการทำหมั่นให้กับสุนัขชิสุนั้นมีมากมายไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่อมลูกหมากโตในสุนัขตัวผู้
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านม กับมะเร็งในรังไข่ของสุนัขตัวเมีย
- ช่วยลดพฤติกรรมความก้าวร้าวของสุนัขลง
- ช่วยลดพฤติกรรมขับถ่ายไม่เป็นที่เป็นทางของสุนัขชิสุลง
- ช่วยลดนิสัยที่เอาแต่ใจของสุนัขชิสุลง คุณจะสามารถฝึกให้สุนัขชิสุของคุณ เชื่อฟังคำสั่งต่างๆ ของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น
แต่ข้อเสียของการทำหมั่นให้กับสุนัขก็คือ ระบบเผาผลาญในร่างกายของสุนัขชิสุจะลดลง ซึ่งมันจะส่งผลทำให้สุนัขชิสุของคุณป่วยเป็นโรคอ้วนได้ง่ายมาก
ดังนั้นคุณต้องคอยควบคุมอาหาร กับให้สุนัขชิสุของคุณได้รับออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้
สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนอยากให้สุนัขชิสุของคุณได้รับการทำหมั่น คุณสามารถพาสุนัขชิสุของคุณเข้ารับการทำหมั่น เมื่อสุนัขชิสุของคุณมีอายุได้ประมาณ 8 – 10 เดือน
โดยก่อนที่สุนัขจะทำหมั่น ทางสัตวแพทย์จะตรวจร่างกายของสุนัขดูก่อนว่า สุนัขชิสุของคุณมีสุภาพที่แข็งแรง พร้อมเข้ารับการทำหมั่นแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วทางสัตวแพทย์ก็จะทำการนัดเวลาให้คุณพาสุนัขเข้าไปทำหมั่น