6 โรคยอดฮิตที่คนเลี้ยงสุนัขต้องพบเจอ

6 โรคยอดฮิตที่คนเลี้ยงสุนัขต้องพบเจอ

บทนำ

สำหรับบทความนี้จะมาแนะนำถึง 6 โรคส่วนใหญ่ที่คนเลี้ยงสุนัขต้องพบเจอ ว่ามีโรคอะไรกันบ้าง รวมถึงอาการต่างๆ ที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นโรคนี้อยู่ พร้อมบอกว่าถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ควรทำอย่างไรบ้าง

บทความนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือคนที่พึ่งเลี้ยงสุนัข ว่ามีโรคไหนของสุนัขที่คุณควรระวังเอาไว้บ้าง รวมถึงคุณควรทำอย่างไรบ้าง ถ้าสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคเหล่านี้

เอาละเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

6 โรคยอดฮิตที่คนเลี้ยงสุนัขต้องพบเจอ

1. การติดเชื้อในหูในสุนัข

การติดเชื้อในหูของสุนัขเป็นโรคยอดฮิตที่คนเลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่มักจะพบเจอ สำหรับโรคนี้เกิดจากโรคภูมิแพ้ยีสต์ ไรย์ โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะเจริญเติบโตภายในช่องหูของสุนัข

ถ้าสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคติดเชื้อในช่องหูจะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • สุนัขจะมีอาการสั่นและเอียงหัวอยู่เป็นประจำ
  • สุนัขจะมีกลิ่นเหม็นๆ ที่หู
  • สุนัขจะชอบยกขาขึ้นมาเกาที่หูของพวกมันอยู่เป็นประจำ
  • ช่องหูของสุนัขจะมีอาการแดงและบวมโต
  • จะมีของเหลวสีน้ำตาล หรือสีเหลืองไหลออกมาจากหูของสุนัข

ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบกับทางสัตวแพทย์โดยทันที เพื่อให้ทางสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาช่องหูของสุนัข

สำหรับสุนัขตัวไหนที่มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง รวมถึงมีอาการสั่นหัวอย่างรุนแรงจนทำให้เส้นเลือดในหูชั้นนอกเกิดการฉีดขาด

ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ทางสัตวแพทย์อาจจะจำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดเข้ามาช่วยในการักษา

โรคพยาธิในสุนัข

2. โรคพยาธิในสุนัข

ด้วยความที่ว่าลูกสุนัขยังมีระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงมากนัก ถ้าเทียบกับสุนัขที่โตจนเต็มวัยแล้ว จึงทำให้ลูกสุนัขมักจะป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับพยาธิบ่อยๆ อย่างเช่น

  • โรคพยาธิตัวตืด
  • โรคพยาธิตัวกลม
  • โรคพยาธิปาก
  • โรคพยาธิแส้ม้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลูกสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคพยาธิปากขอ จะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงเป็นอย่างมาก

เมื่อลูกสุนัขของคุณติดเป็นโรคเกี่ยวกับพยาธิจะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • สุนัขจะมีอาการท้องเสีย ท้องร่วง รวมถึงมีเลือดปะปนออกมากับอุจจาระ
  • น้ำหนักตัวของสุนัขจะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • ขนของสุนัขจะเปลื่ยนไปจากปกติกลายเป็นขนที่หยาบและแห้ง
  • สุนัขจะมีอาการอาเจียนอย่างติดเนื่องติดต่อกันมากกว่า 3 – 4 วัน
  • สุนัขมักจะมีนิสัยชอบเอาก้นไปถูกับพื้น
  • สุนัขจะมีอาการเบื่ออาหารไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น

ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณไปหาสัตวแพทย์โดยทันที เพื่อให้ทางสัตวแพทย์ตรวจสอบดูว่า

ตกลงแล้วสุนัขของคุณติดเชื้อจากพยาธิชนิดไหนกันแน่น เมื่อรู้แล้วทางสัตวแพทย์จะให้ยาถ่ายพยาธิชนิดนั้นๆ มาให้สุนัขได้ทาน เพื่อขับถ่ายพยาธิชนิดนั้นๆ ออกมาจากร่างกายของสุนัข

3. โรคหมัดในสุนัข

เรื่องเห็บหมัดในสุนัข เป็นเรื่องที่คุณเลี้ยงสุนัขต้องพบเจอกันทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน ซึ่งเป็นช่วงที่เห็บหมัดแพร่ระบาดมากที่สุด

คุณรู้หรือไม่ว่าพวกเห็บหมัดเหล่านี้ สามารถนำพาโรคต่างๆ มาสู่สุนัขของคุณได้อย่างเช่น

  • โรคโลหิตจาง  
  • โรคภูมิแพ้น้ำลายหมัด
  • โรคพยาธิเม็ดเลือด

คุณสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขของคุณมีเห็บหมัดอาศัยอยู่บนร่างกายหรือไม่ โดยดูจากอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • สุนัขของคุณมีการกัด เกา และเลียผิวหนังอยู่เป็นประจำ
  • มีขนหลุดร่วงตามตัวของสุนัขมากกว่าปกติ โดยลักษณะของขนที่หลุดร่วงนั้นจะมีลักษณะเป็นวงกลมเล็กบ้าง วงใหญ่บ้างตามตัวของสุนัข
  • มีผื่นแดงๆ เกิดขึ้นตามตัวของสุนัข
  • คุณจะพบขี้หมัด หรือก้อนเล็กๆ สีดำๆ ตามตัวของสุนัข

สำหรับวิธีรักษาโรคเห็บหมัดในสุนัข คุณสามารถทำได้โดยการ พาสุนัขของคุณไปฉีดวัคซีนป้องกันเห็บหมัดในสุนัข หรือคุณอาจจะไปซื้อยากําจัดเห็บหมัดแบบหยอดมาหยดบนหลังคอของสุนัขก็ได้เหมือนกัน

โรคผิวหนังอักเสบในสุนัข

4. โรคผิวหนังอักเสบในสุนัข

โรคผิวหนังอักเสบในสุนัข เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ส่งผลโดยตรงต่อผิวหนังของสุนัข จนทำให้ผิวหนังของสุนัขเกิดการอักเสบและมีอาการระคายเคืองเกิดขึ้น

ซึ่งมันจะส่งผลทำให้สุนัขรู้สึกคันที่ผิวหนังอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นเหตุทำให้สุนัขยกขาขึ้นมาเกาอยู่เป็นประจำ และเมื่อสุนัขใช้เล็บเกาที่ผิวหนังมากๆ เข้า

ก็จะส่งผลทำให้ผิวหนังของสุนัขเกิดการเป็นแผลขึ้นมาได้ และเมื่อสุนัขมีแผลสดเกิดขึ้น ก็จะเป็นช่องทางให้เชื้อโรคร้ายต่างๆ ที่อาศัยอยู่ภายนอกเข้าสู่ร่างกายของสุนัขได้

จะทำอย่างไรเมื่อสุนัขของคุณป่วยเป็นโรคผิวหนัง

ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดง และมีขนร่วงตามตัวโดยมีลักษณะขนหลุดร่วงเป็นวงๆ

ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบสัตวแพทย์โดยทันที เพื่อให้ทางสัตวแพทย์ตรวจสอบดูว่า เกิดอะไรเกิดกับผิวหนังของสุนัข เพื่อจะได้ทำการรักษาในขั้นตอนต่อๆ ไป

5. สุนัขอาเจียน

การที่สุนัขอาเจียนออกมานั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติโดยทั่วไปของสุนัข เมื่อสุนัขทานอะไรเข้าไปแล้ว มีการระคายเคืองเกิดขึ้นที่คอ หรือที่หลอดอาหารของสุนัข

ร่างกายของสุนัขก็จะทำการขับเอาสิ่งของเหล่านั้นออกมาโดยธรรมชาติ เป็นกลไกการป้องกันตัวของสุนัขอีกทางหนึ่ง การอาเจียนที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติของสุนัขเป็นอย่างมาก

แต่ในทางกลับกันถ้าสุนัขของคุณมีอาการอาเจียนอย่างเรื้อรัง หรือมีการอาเจียนติดต่อกันมากกว่า 2 – 3 วันนั้น เป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่า สุนัขของคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคบางอย่างอยู่

ให้คุณดูต่อไปว่าสุนัขของคุณมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างเช่น

  • สุนัขของคุณมีอาการท้องเสีย
  • สุนัขของคุณเป็นไข้ตัวร้อน
  • มีเลือดปะปนออกมากับอาเจียนของสุนัข
  • สุนัขมีอาการเซื่องซึม และเบื่ออาหาร
  • สุนัขมีอาการหายใจเร็วและแรง

ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบสัตวแพทย์โดยทันที

สุนัขท้องร่วง

6. สุนัขท้องร่วง

อาการท้องร่วงของสุนัขสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ

  • ความเครียดสะสมอยู่ในร่างกายของสุนัข
  • สุนัขติดเชื้อปรสิตที่ลำไส้
  • สุนัขเผลอไปทานอาหารสกปรกเข้า

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้สุนัขของคุณเกิดอาการท้องร่วงขึ้นมาได้

สำหรับอาการท้องร่วงในสุนัข ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป คล้ายๆ กับอาการอาเจียนของสุนัข คือสุนัขมักจะมีอาการเหล่านี้อยู่ประมาณ 1 – 2 วัน แล้วอาการท้องร่วงของสุนัขก็จะค่อยๆ หายไปเอง

แต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่า สุนัขของคุณมีอาการท้องเสียอย่างเรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 2 – 3 วัน รวมถึงสุนัขของคุณยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างเช่น

  • อาการตัวร้อนเป็นไข้
  • มีอาการเซื่องซึมและเบื่ออาหาร
  • รวมถึงอุจจาระที่สุนัขขับถ่ายออกมานั้นเปลื่ยนจากสีปกติกลายเป็นสีดำ หรือมีเลือดปะปนออกมากับอุจจาระของสุนัข

อาการเหล่านี้เป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าสุนัขของคุณกำลังป่วยเป็นโรคบางอย่างอยู่ ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณเข้าพบสัตวแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้สุนัขมีอาการท้องเสียอย่างเรื้อรังโดยทันที