6 เทคนิคการเลี้ยงสุนัขสำหรับคนแพ้ขนสุนัข

6 เทคนิคการเลี้ยงสุนัขสำหรับคนแพ้ขนสุนัข

บทนำ

บทความนี้จะมาแนะนำถึง 6 เทคนิคการเลี้ยงสุนัขสำหรับคนแพ้ขนสุนัข สำหรับคุณผู้อ่านคนไหนที่อยากเลี้ยงสุนัขแต่เป็นคนแพ้ขนสุนัข ให้คุณลองอ่านบทความนี้ดู

สาเหตุที่ทำให้คนแพ้ขนสุนัข

สาเหตุที่ทำให้คนเกิดป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ขนสุนัขนั้น ไม่ได้เกิดจากการสัมผัสขนของสุนัขโดยตรง แต่เป็นอาการแพ้เศษขี้ไคล น้ำลาย และฉี่ของสุนัขต่างหาก

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกาะติดอยู่ตามขนของสุนัขและเมื่อมีคนมาสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เข้า ก็จะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ขนสุนัขขึ้นมาได้ โดยอาการต่างๆ ก็จะมีตั้งแต่

  • อาการไอ
  • คันตาและมีน้ำตาไหลออกมา
  • รู้สึกคัดจมูก และมีน้ำมูกไหลออกมา
  • มีอาการหอบหื่ดหายใจลำบาก
  • ในบางรายอาจจะมีผื่นคันขึ้นตามใบหน้า คอ แขน ขาและลำตัว

โดยอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นอยู่ประมาณ 30 – 60 นาที แล้วก็จะหายไปเอง ซึ่งระยะเวลาจะยาวนานหรือไม่ ก็จะขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน สำหรับคนไหนที่มีอาการแพ้มากกว่าปกติ ก็อาจจะกินเวลาเป็นวันเลยก็มีเหมือนกัน

6 เทคนิคการเลี้ยงสุนัขสำหรับคนแพ้ขนสุนัข

เอาละเมื่อเราทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้ขนของสุนัขแล้ว ต่อมาเรามาดูวิธีแก้ไข หรือวิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้คุณเกิดเป็นภูมิแพ้ขนสุนัขกันดีกว่า ซึ่งคุณสามารถป้องกันด้วยวิธีต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. เลือกเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

จะมีสุนัขบางสายพันธุ์ที่คนแพ้ขนสุนัขสามารถเลี้ยงได้เลยอย่างเช่น

  • ชิสุ
  • พูเดิ้ล
  • มอลทีส
  • ชเนาเซอร์
  • บิชอง ฟริเซ่
  • ไชนีส เครสเต็ด
  • บอสตัน เทอร์เรีย
  • ยอร์เชียร์ เทอร์เรีย
  • อิตาเลียน เกรย์ฮาวน์

เพราะสุนัขสายพันธุ์เหล่านี้จะมีช่วงเวลาพลัดขนที่น้อย หรือในบางสายพันธุ์ก็แทบไม่มีช่วงเวลาในการพลัดขนเลย ซึ่งทำให้คุณแทบไม่ต้องกังวลไปเลยว่า คุณจะได้รับผลกระทบใดๆ จากการพลัดขนของสุนัขหรือไม่

2. จัดพื้นที่ให้สุนัขพักอาศัยอยู่เป็นสัดส่วน

ในกรณีที่คุณอยากเลือกเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ในข้อที่ 1 และคุณเป็นคนแพ้ขนของสุนัข คุณสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการ

จัดพื้นที่ให้สุนัขอยู่เป็นสัดส่วน โดยคุณอาจจะหาคอกมากั้นให้สุนัขของคุณอยู่ หรือคุณอาจจะให้สุนัขของคุณพักอาศัยอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งในบ้านของคุณไปเลยก็ได้เหมือนกัน

การจำกัดพื้นที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ขนของสุนัขหลุดลอยไปติดเกาะอยู่ตามสิ่งต่างๆ ในบ้านของคุณได้ โดยขนของสุนัขจะตกอยู่แค่ตามคอกที่คุณกั้น หรือห้องส่วนตัวที่คุณจัดไว้ให้

และคุณต้องสวมถุงผ้ากับผ้าปิดปากทุกครั้ง ก่อนที่คุณจะเข้าไปทำความสามารถในพื้นที่ที่คุณกั้นไว้ หรือห้องส่วนตัวที่สุนัขพักอาศัยอยู่

แล้วถ้าจะให้ดีคุณควรหาพวกเครื่องฟอกอากาศมาติดไว้ในบ้านของคุณ เพื่อให้อากาศในบ้านของคุณถ่ายเทได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

วิธีเลี้ยงสุนัขสำหรับผู้ที่แพ้ขนสุนัข

3. ทำความสะอาดพื้นที่ในบ้านของคุณอยู่เป็นประจำ

การหมั่นทำความสะอาดพื้นที่ในบ้านของคุณอยู่เป็นประจำ จะช่วยลดอาการแพ้ขนของสุนัขได้ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะกั้นคอกหรือพื้นที่ให้กับสุนัขอยู่แล้ว

แต่ก็จะมีขนหลุดร่วงบางส่วนเหมือนกัน ที่อาจจะลอยไปเกาะติดตามสิ่งต่างๆ ในบ้านของคุณได้อย่างเช่น

  • โต๊ะ
  • ตู้
  • เตียง
  • ตามพื้น
  • หน้าต่าง
  • ซอกประตู
  • โซฟา

จุดเหล่านี้คุณควรทำความสะอาดให้หมด เพราะจะมีโอกาสสูงที่ขนของสุนัขอาจจะหลุดลอยมาเกาะติดกับสิ่งเหล่านี้ได้

และถ้าจะให้ดีคุณควรหาน้ำยาฆ่าไรฝุ่นมาผสมกับน้ำเปล่าที่สะอาด แล้วก็ถูตามพื้นบ้านของคุณอยู่เป็นประจำเดือนละ 2 – 3 ครั้ง

สำหรับบ้านของคุณผู้อ่านท่านไหนที่มีพรมเช็คเท้า คุณก็ควรนำพรมเช็คเท้าของคุณมาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำเดือนละประมาณ 1 ครั้ง

เพราะในพรมเช็คเท้าเป็นแหล่งสะสมชั้นดีของขนสุนัขเลย คุณอาจจะเกิดอาการแพ้ขนสุนัขขึ้นมาได้ ถ้าคุณเผลอไปเช็คเท้าในพรมที่มีขนสุนัขสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก

4. อาบน้ำและแปรงขนให้กับสุนัขอยู่เป็นประจำ

การแปรงขนให้กับสุนัขอยู่เป็นประจำ จะช่วยขจัดขนที่หลุดร่วงอยู่ตามร่างกายของสุนัขให้หลุดออกไปได้ ซึ่งมันจะช่วยป้องกันไม่ให้ขนของสุนัขขนร่วงลอยไปเกาะติดตามสิ่งต่างๆ ในบ้านของคุณได้

รวมถึงคุณควรอาบน้ำให้กับสุนัขของคุณเดือนละประมาณ 1 – 2 ครั้ง เป็นการขจัดรังแคและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ตามตัวของสุนัขให้ออกไป ซึ่งรังแคก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณเกิดอาการแพ้ขนสุนัขขึ้นมาได้เหมือนกัน

ข้อควรระวัง

คุณต้องใส่ถุงมือและผ้าปิดปากทุกครั้งก่อนที่คุณจะทำการแปรงขน กับอาบน้ำให้กับสุนัข เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเกิดอาการแพ้ขนสุนัข ในระหว่างที่คุณกำลังทำกิจกรรมเหล่านี้อยู่

อยากเลี้ยงสุนัขแต่แพ้ขนสุนัขทำไงดี

5. ล้างมือทุกครั้งหลังจากเล่นกับสุนัข

คุณต้องทำการล้างมือของคุณทุกครั้งหลังจากที่คุณเล่นกับสุนัขของคุณ เพราะขนของสุนัขอาจจะเกาะติดตามมือของคุณได้ ในระหว่างที่คุณเข้าไปลูบตัวและลูบหัวของสุนัข

รวมถึงคุณควรเปลื่ยนเสื้อกับกางเกงตัวใหม่ทุกครั้ง หลังจากที่คุณเล่นกับสุนัข เพราะในกรณีที่คุณเข้าไปกอด หรือไปเข้าเล่นรัดฟัดเหวี่ยงกับสุนัขของคุณอย่างเมามัน อาจจะมีขนบางส่วนติดมากับเสื้อและกางเกงของคุณได้

6. สวมเสื้อผ้าให้กับสุนัข

การสวมเสื้อผ้าให้กับสุนัขนั้นจะช่วยป้องกันไม่ให้ขนและเศษขี้ไคลของสุนัข ลอยฟุ้งไปยังอากาศภายในบ้านของคุณได้ ซึ่งมันจะช่วยลดความเสี่ยงป้องกันไม่ให้คุณเกิดเป็นโรคภูมิแพ้ขนของสุนัขได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเสื้อผ้าที่คุณจะสวมใส่ให้กับสุนัขนั้น ต้องเป็นเสื้อผ้าที่สบายไม่ทำให้สุนัขรู้สึกร้อน หรืออืดอัดจนเกินไป

และถ้าจะให้ดีคุณอาจจะเปิดพัดลม หรือแอร์ให้สุนัขอยู่ เพื่อเพิ่มความสบายให้กับสุนัขของคุณก็ได้เหมือนกัน