4 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนออกกำลังกายให้กับสุนัขในช่วงหน้าร้อน

4 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนออกกำลังกายให้กับสุนัขในช่วงหน้าร้อน

บทนำ

บทความนี้จะมาแนะนำ 4 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนออกกำลังกายให้กับสุนัขในช่วงหน้าร้อน เพราะถ้าคุณระมัดระวังให้ดีแล้ว สุนัขของคุณอาจจะป่วยเป็นโรคลมแดดขึ้นมาได้

สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่กำลังสนใจเรื่องราวนี้อยู่ ก็สามารถมาตามอ่านกันต่อได้เลยครับ

4 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนออกกำลังกายให้กับสุนัขในช่วงหน้าร้อน

1. ปรับเปลื่ยนช่วงเวลาออกกำลังกายให้กับสุนัขของคุณ  

สิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนก็คือ ให้คุณปรับเปลื่ยนเวลาออกกำลังกายให้กับสุนัขของคุณ โดยให้คุณเปลื่ยนจากเวลาปกติที่คุณออกกำลังกายให้กับสุนัขของคุณอยู่เป็นประจำ

ไปเป็นเวลาช่วงเช้า 6.00 น. – 7.30 น. ก่อนที่แดดจะออก หรือเปลื่ยนไปเป็นเวลาหลังจาก 17.00 น. ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้อากาศจะเริ่มเย็นลงแล้ว

มันจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้สุนัขของคุณ ป่วยเป็นโรคลมแดดในระหว่างที่ทำการออกกำลังกายได้

2. ห้ามออกกำลังกายหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ

การออกกำลังกายจากหลังที่ทานข้าวเสร็จของสุนัขนั้น จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงทำให้สุนัขของคุณป่วยเป็นโรคกระเพาะบิดขึ้นมาได้

จากแก๊สและอาหารที่สะสมอยู่ในกระเพาะอาหารของสุนัขเป็นจำนวนมาก ทางการแพทย์ถือว่าโรคกระเพาะบิดในสุนัข เป็นโรคที่รุนแรงต่อร่างกายของสุนัขเป็นอย่างมาก

มันจะทำให้เส้นเลือดของสุนัขเกิดการฉีดขาด เสียเลือดและเสียชีวิตลงได้ ดังนั้นทางที่ดีหลังจากที่สุนัขของคุณทานข้าวเสร็จ ให้คุณรอเวลาให้ผ่านไปประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงก่อน คุณถึงจะให้สุนัขของคุณออกกำลังกายได้

สิ่งที่ต้องระวังในการออกกำลังกายให้กับสุนัขในช่วงหน้าร้อน

3. ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัยของสุนัข

สุนัขแต่ละตัวจะมีสภาพร่างกายและสุขภาพไม่เหมือนกัน คุณต้องประเมินดูก่อนว่าสุนัขของคุณอยู่ในวัยไหนตัวอย่าง

ถ้าสุนัขของคุณยังเป็นลูกสุนัข ที่มีอายุไม่ถึง 1 ปี คุณควรให้สุนัขของคุณออกกำลังกายอย่างเบาๆ อย่างเช่น การพาสุนัขเดินเล่นรอบบ้าน หรือพาสุนัขไปเดินเล่นบริเวณรอบหมู่บ้านของคุณเป็นเวลาประมาณ 10 – 15 นาที

สำหรับในกรณีที่สุนัขของคุณโตจนเต็มวัยแล้ว (อายุประมาณ 1 – 4 ปี) คุณก็สามารถให้สุนัขของคณออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น การเล่นวิ่งไล่จับกับสุนัขของคุณ หรือการโยนลูกบอกหรือจานร่อนออกไป แล้วสั่งให้สุนัขของคุณคาบสิ่งของเหล่านั้นกลับมาก็ได้เหมือนกัน

แต่สำหรับในกรณีที่สุนัขวัยชรา (มีอายุตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไป) คุณควรเน้นไปที่การออกกำลังกายอย่างเบา รวมถึงการฝึกสมองให้กับสุนัขของคุณอย่างเช่น

การเล่นของเล่นพัฒนาสมองเสริมทักษะด้านความจำ ,ให้สุนัขว่ายน้ำด้วยการใส่เสื้อชูชีพ เพื่อไม่ให้ข้อต่อของสุนัขต้องทำงานหนักในระหว่างที่ทำการออกกำลังกายอยู่

4. เฝ้าระวังอาการของโรคลมแดด

ในช่วงหน้าร้อนที่มีอากาศร้อนจัดติดต่อกันตลอดทั้งวัน สุนัขของคุณจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือโรคลมแดดได้ตลอดเวลา

ดังนั้นในสถานะที่คุณเป็นคนเลี้ยงสุนัข คุณต้องคอยจับตาเฝ้าดูอาการต่างๆ ของสุนัขให้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่สุนัขของคุณกำลังออกกำลังกายอยู่ ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • ลิ้นของสุนัขเปลื่ยนจากสีปกติ กลายเป็นสีแดงจัดหรือสีม่วง
  • สุนัขของคุณมีอาการน้ำลายไหลอยู่ตลอดเวลา
  • สุนัขของคุณมีอาการเหน็ดเหนื่อย หอบ และมีเสียงวี๊ดๆ ออกมาจากลมหายใจของสุนัข
  • สุนัขมีอาการท้องเสียและอาเจียน
  • สุนัขมีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม และมีอาการชักอย่างต่อเนื่อง

ถ้าคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ในระหว่างที่ออกกำลังกายอยู่ ให้คุณรีบหยุดกิจกรรมการออกกำลังกายนั้นลงในทันที โดยให้สุนัขของคุณนั่งพักเป็นเวลาประมาณ 5 – 10 นาที

แล้วคุณค่อยหาน้ำดื่มที่สะอาดให้สุนัขทาน (น้ำที่คุณจะให้สุนัขทานนั้น ห้ามเป็นน้ำที่เย็นจัดโดยเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้สุนัขของคุณเกิดการช็อคขึ้นมาได้)

เสร็จแล้วก็ให้สุนัขของคุณนั่ง หรือนอนอยู่เฉยๆ เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

แต่ในกรณีที่ทำตามคำแนะนำที่ทางบทความได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว สุนัขของคุณก็ยังมีอาการต่างๆ อยู่อีก ให้คุณรีบพาสุนัขของคุณไปหาสัตวแพทย์ในทันทีเท่าที่คุณจะทำได้

ยิ่งคุณพาสุนัขของคุณไปถึงมือสัตวแพทย์เร็วเท่าไหร่ สุนัขของคุณก็จะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น